การงานที่สำเร็จแล้วของพระเยซูคริสต์ (The Finished Work of Christ)
การเชื่อในเรื่องการงานที่สำเร็จแล้วของพระเยซูคริสต์คือการพักสงบอย่างแท้จริงบนงานที่สำเร็จแล้วของพระเยซูคริสต์ (Rest totally on the finished work of Jesus Christ) เป็นการเปลี่ยนกรอบความคิด (Paradigm Shift) จากกรอบความคิดแบบ 'ยังต้องทำ' (DO) มาเป็น 'สำเร็จแล้ว' (DONE) หรือจาก 'เจ้าจง' (Thou shall) มาเป็น 'เราจะ' (I will) ดังใน
ฮีบรู [8:10-12] นี่คือพันธสัญญาซึ่งเราจะกระทำกับชนชาติอิสราเอลภายหลังสมัยนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส เราจะบรรจุพระธรรมของเราไว้ในจิตใจของเขา และเราจะจารึกพระธรรมบัญญัตินั้นไว้ที่ในดวงใจของเขา และเราจะเป็นพระเจ้าของเขา และเขาจะเป็นชนชาติของเรา และเขาจะไม่สอนเพื่อนบ้านและพี่น้องของตนแต่ละคนว่า "จงรู้จักองค์พระผู้เป็นเจ้า" เพราะเขาทุกคนจะรู้จักเรา ตั้งแต่คนต่ำต้อยที่สุดจนถึงคนใหญ่โตที่สุด เพราะเราจะกรุณาต่อการอธรรมของเขา และจะไม่จดจำบาปของเขาไว้เลย
เพราะเมื่อพระเยซูคริสต์มา พระองค์ทรงกระทำทุกสิ่งสำเร็จด้วยการตายของพระองค์บนไม้กางเขนแล้ว ตามที่พระองค์เองตรัสออกมาว่า 'สำเร็จแล้ว'
ยอห์น [19:30] เมื่อพระเยซูทรงรับน้ำส้มองุ่นแล้ว พระองค์ตรัสว่า "สำเร็จแล้ว" และทรงก้มพระเศียรลงสิ้นพระชนม์
ส่วนที่ว่ามีอะไรบ้างที่พระเยซูทำสำเร็จแล้ว สามารถอ่านรายละเอียดบางส่วนเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ
http://www.biblicist.org/bible/finished.shtml
ขอแบ่งปันประสบการณ์ส่วนตัวบางส่วนเกี่ยวกับเรื่องนี้ คือเมื่อก่อนผมเคยรู้สึกฟ้องผิดเสมอเมื่อทำสิ่งที่ไม่ควรทำ หรือไม่ทำสิ่งที่ควรทำ ผมต้องคอยสารภาพบาปเพื่อให้พระเจ้ายกโทษจึงจะรู้สึกดีขึ้น แต่เมื่อมาเข้าใจเรื่องงานที่สำเร็จแล้วของพระเยซูคริสต์จริง ๆ จึงได้พบว่าแท้จริงการที่ผมมีใจฟ้องผิดแบบนั้นนั่นแหละคือการดูหมิ่นงานที่พระเยซูกระทำเสียแล้ว เป็นการบอกว่าความชอบธรรมที่พระเจ้าประทานให้ทางความเชื่อนั้นยังไม่ชอบธรรมพอ ยังต้องทำบางสิ่งเพิ่มเติมด้วยกำลังของตัวเองอีก ซึ่งในพระธรรมฮีบรูได้เรียกสิ่งนี้ว่า 'จิตสำนึกที่ชั่ว' (evil conscience)
Hebrews 10:22 "let us draw near with a true heart in fulness of faith, having our hearts sprinkled from an evil conscience: and having our body washed with pure water"
จิตสำนึกที่ชั่วในพระธรรมฮีบรูนี้ มิได้หมายถึงการที่คนพยายามคิดที่จะทำบาป แต่คือการที่มีจิตสำนึก focus อยู่กับการคอยแต่มองว่าเรามีหรือไม่มีบาปนั่นเอง ดังใน
Hebrews 10:1-2 "For the law having a shadow of the good to come, not the very image of the things, can never with the same sacrifices year by year, which they offer continually, make perfect them that draw nigh. Else would they not have ceased to be offered? because the worshippers, having been once cleansed, would have had no more consciousness of sins.
ส่วนเรื่องงานรับใช้ ผู้เชื่อในงานที่สำเร็จแล้ว จะไม่ได้มองเรื่องนี้เป็น 'งาน' แต่มองเรื่องนี้เป็น 'ผล' ของการที่พระคริสต์สถิตอยู่ในเรา ทำงานของพระองค์ผ่านเราออกมา (Manifestation)
เรื่องงานที่สำเร็จแล้วของพระคริสต์นี้เป็นเรื่องยาว จะค่อย ๆ แบ่งปันเพิ่มเติมเรื่อย ๆ ครับ
เพราะเมื่อพระเยซูคริสต์มา พระองค์ทรงกระทำทุกสิ่งสำเร็จด้วยการตายของพระองค์บนไม้กางเขนแล้ว ตามที่พระองค์เองตรัสออกมาว่า 'สำเร็จแล้ว'
ยอห์น [19:30] เมื่อพระเยซูทรงรับน้ำส้มองุ่นแล้ว พระองค์ตรัสว่า "สำเร็จแล้ว" และทรงก้มพระเศียรลงสิ้นพระชนม์
ส่วนที่ว่ามีอะไรบ้างที่พระเยซูทำสำเร็จแล้ว สามารถอ่านรายละเอียดบางส่วนเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ
http://www.biblicist.org/bible/finished.shtml
ขอแบ่งปันประสบการณ์ส่วนตัวบางส่วนเกี่ยวกับเรื่องนี้ คือเมื่อก่อนผมเคยรู้สึกฟ้องผิดเสมอเมื่อทำสิ่งที่ไม่ควรทำ หรือไม่ทำสิ่งที่ควรทำ ผมต้องคอยสารภาพบาปเพื่อให้พระเจ้ายกโทษจึงจะรู้สึกดีขึ้น แต่เมื่อมาเข้าใจเรื่องงานที่สำเร็จแล้วของพระเยซูคริสต์จริง ๆ จึงได้พบว่าแท้จริงการที่ผมมีใจฟ้องผิดแบบนั้นนั่นแหละคือการดูหมิ่นงานที่พระเยซูกระทำเสียแล้ว เป็นการบอกว่าความชอบธรรมที่พระเจ้าประทานให้ทางความเชื่อนั้นยังไม่ชอบธรรมพอ ยังต้องทำบางสิ่งเพิ่มเติมด้วยกำลังของตัวเองอีก ซึ่งในพระธรรมฮีบรูได้เรียกสิ่งนี้ว่า 'จิตสำนึกที่ชั่ว' (evil conscience)
Hebrews 10:22 "let us draw near with a true heart in fulness of faith, having our hearts sprinkled from an evil conscience: and having our body washed with pure water"
จิตสำนึกที่ชั่วในพระธรรมฮีบรูนี้ มิได้หมายถึงการที่คนพยายามคิดที่จะทำบาป แต่คือการที่มีจิตสำนึก focus อยู่กับการคอยแต่มองว่าเรามีหรือไม่มีบาปนั่นเอง ดังใน
Hebrews 10:1-2 "For the law having a shadow of the good to come, not the very image of the things, can never with the same sacrifices year by year, which they offer continually, make perfect them that draw nigh. Else would they not have ceased to be offered? because the worshippers, having been once cleansed, would have had no more consciousness of sins.
ส่วนเรื่องงานรับใช้ ผู้เชื่อในงานที่สำเร็จแล้ว จะไม่ได้มองเรื่องนี้เป็น 'งาน' แต่มองเรื่องนี้เป็น 'ผล' ของการที่พระคริสต์สถิตอยู่ในเรา ทำงานของพระองค์ผ่านเราออกมา (Manifestation)
เรื่องงานที่สำเร็จแล้วของพระคริสต์นี้เป็นเรื่องยาว จะค่อย ๆ แบ่งปันเพิ่มเติมเรื่อย ๆ ครับ
Comments
Post a Comment