การล้างเท้าสาวกของพระเยซู

(ตอบข้อสนทนาที่ว่ายูดาสเป็นผู้เชื่อหรือไม่)

ครับ ยูดาสไม่ใช่ผู้เชื่อครับ ถึงแม้ว่ายูดาสจะติดตามพระเยซูมานานแต่ก็ไม่เคยเชื่อจะรับพระองค์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดเลย

การชำระจากบาปครั้งเดียวพอนั้นเกิดขึ้นโดยโลหิตพระเยซูคริสต์ที่ไม้กางเขนตามที่พระองค์พูดถึงในยอห์นบทที่ 12 (เกิดขึ้นก่อนและครั้งเดียวพอ)
ส่วนการล้างเท้าในบทถัดมาคือยอห์นบทที่ 13 (เกิดขึ้นทีหลังและต้องทำสม่ำเสมอ) นี้คือการชำระด้วยพระวจนะที่ต้องมีอยู่เสมอเนื่องจากเรายังต้องดำเนินอยู่ในโลก
เท้าคือส่วนที่ยังสัมผัสกับโลกครับ

ผมเข้าใจว่าพระเยซูได้ปราบมารไว้ใต้พระบาทพระองค์แล้ว
ซึ่งเพราะเราเป็นพระกายของพระคริสต์ ดังนั้นมารมันจึงอยู่ใต้เท้าเราแล้วด้วยเช่นกัน
เราจึงต้องการแค่การล้างเท้าเท่านั้นก็พอ ดังใน
"เราจะให้เจ้ากับหญิงนี้เป็นศัตรูกัน ทั้งพงศ์พันธุ์ของเจ้าและพงศ์พันธุ์ของเขาด้วย พงศ์พันธุ์ของหญิงจะทำให้หัวของเจ้าแหลก และเจ้าจะทำให้ส้นเท้าของเขาฟกช้ำ" ปฐก.3:15
(สิ่งนี้เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผมเชื่อว่าผีเข้าคริสเตียนไม่ได้แล้ว และในเราก็ไม่มีผีใด ๆ อาศัยอยู่ได้แล้ว เพราะมันแพ้ราบคาบอยู่ใต้เท้าเราแล้ว)

สำหรับเรื่องการล้างเท้าสาวกของพระเยซูผมได้แปลบทความหนึ่งที่ตอบคำถามนี้ตามด้านล่างนี้ครับ

What is the spiritual footwashing among us as believers today?
(แปลจาก http://answers.yahoo.com/question/index?qid=20080205220552AAn6kOE)

ผมเชื่อว่าความหมายสำคัญฝ่ายวิญญาณของเรื่องนี้ปรากฎอยู่ในจดหมายฝากของอ.เปาโลที่เขียนไปถึงชาวเอเฟซัสเกี่ยวกับพระคริสต์และคริสตจักร

"ฝ่ายสามีก็จงรักภรรยาของตน เหมือนอย่างที่พระคริสต์ทรงรักคริสตจักร และทรงประทานพระองค์เองเพื่อคริสตจักร เพื่อพระองค์จะได้ทรงแยกตั้งไว้ และชำระคริสตจักรนั้นให้บริสุทธิ์โดยการล้างด้วยน้ำโดยพระวจนะ เพื่อพระองค์จะได้ทรงมอบคริสตจักรที่มีสง่าราศีแด่พระองค์เอง ไม่มีจุดด่างพร้อย ริ้วรอย หรือมลทินใดๆเลย แต่บริสุทธิ์ปราศจากตำหนิ" (อฟ.5:25-27)

ตรงนี้อ.เปาโลอธิบายว่า "การล้างด้วยน้ำโดยพระวจนะ" คือหนทางการชำระคริสตจักรให้บริสุทธิ์และสะอาด ในทางเดียวกันนี่คือวิธีที่พระเยซูเจ้าทรงชำระเรา (คริสตจักร) ให้บริสุทธิ์และสะอาดคือโดยทางพระวจนะของพระองค์

เมื่อพระองค์เจ้าทรงชำระล้างเราด้วยพระวจนะของพระองค์นั้น พระองค์นับเราเป็นดังคริสตจักรที่มีสง่าราศี ไม่มีตำหนิหรือริ้วรอยใด ๆ ดังนั้นพระวจนะของพระองค์จึงไม่ใช่แค่คำจากส่วนใดก็ได้ของพระคัมภีร์ แต่คือคำที่เป็นของพันธสัญญาใหม่แห่งพระคุณ เพราะว่าเราอยู่ใต้พันธสัญญาใหม่ ถูกผนึกตราไว้แล้วด้วยพระโลหิตของพระเยซูที่หลั่งออกเพื่อยกโทษบาปทั้งสิ้นของพวกเรา บัดนี้พระเจ้าเห็นเราบริสุทธิ์และปราศจากตำหนิแล้วในพระคริสต์ (อฟ.1:3-4)

ดังนั้นเมื่อไรก็ตามที่นักเทศน์เทศน์ข่าวประเสริฐ หรือเมื่อไรก็ตามที่เราพูดต่อกันและกัน คำของพวกเราจำเป็นต้องเป็นคำแห่งพระคุณและความจริงที่จะเสริมสร้างกันขึ้น ไม่ใช่คำที่นำมาซึ่งการพิพากษาหรือกล่าวโทษ นั่นคือวิธีที่เราจะล้างเท้าซึ่งกันและกัน - ด้วยการล้างด้วยน้ำโดยพระวจนะ - โดยข่าวประเสริฐแห่งพระคุณของพระคริสต์

นั่นคือวิธีที่สามีรักภรรยาของเขาด้วย - ดังที่พระคริสต์ทรงรักคริสตจักรและได้ยอมสละพระองค์เองเพื่อคริสตจักร เราสังเกตได้ว่าพระเยซูไม่เคยกล่าวคำแห่งการพิพากษาและกล่าวโทษใด ๆ ต่อคริสตจักร ตั้งแต่ที่พระโลหิตของพระองค์ได้ชำระเธอ พระองค์ทรงเห็นเธอปราศจากตำหนิหรือริ้วรอยใด ๆ บริสุทธิ์และปราศจากตำหนิ

คำของพระเยซูที่มีต่อเจ้าสาวของพระองค์ได้ถูกบันทึกไว้เพื่อเราในบทเพลงของโซโลมอน
"โอ ที่รักของฉันเอ๋ย เธอช่างงามสะพรั่งไปทั้งนั้น ในตัวเธอจะหาตำหนิสักนิดก็ไม่มี" (บทเพลงโซโลมอน 4:7)

ตอนนี้เรากลับไปตอนที่พระเยซูล้างเท้าสาวกของพระองค์ เมื่อซีโมนเปโตรพูดกับพระองค์ว่า "พระองค์เจ้าข้ามิใช่แต่เท้าของข้าพระองค์เท่านั้น แต่ขอทรงโปรดล้างทั้งมือและศีรษะด้วย!" พระเยซูตรัสตอบว่า "ผู้ที่อาบน้ำแล้วไม่จำเป็นต้องชำระกายอีก ล้างแต่เท้าเท่านั้น เพราะสะอาดหมดทั้งตัวแล้ว พวกท่านก็สะอาดแล้วแต่ไม่ใช่ทุกคน" (ยอห์น 13:9-10)

พระเยซูตรัสว่าบุคคลใดที่อาบน้ำแล้วก็สะอาดหมดทั้งตัวแล้ว - ภาพของผู้เชื่อที่ได้รับการชำระหมดทั้งสิ้นแล้วด้วยโลหิตของพระเยซู - บาปทั้งสิ้นได้รับการยกโทษแล้ว ได้ถูกทำให้ชอบธรรมแล้วในพระคริสต์ ผู้เชื่อจึงไม่จำเป็นต้องอาบน้ำอีก เพราะการถวายบูชาที่สมบูรณ์ของพระเยซูนั้นครั้งเดียวเพื่อตลอดไป (ฮบ.10:10)

เช่นเดียวกัน พระเยซูตรัสว่าสาวกทั้ง 11 คนของพระองค์ได้สะอาดแล้ว และพระองค์ได้เผยว่ายูดาส อิสคาริโอท ผู้ทรยศไม่สะอาดเพราะเขาไม่ได้รับพระเยซูในฐานะองค์พระผู้เป็นเจ้าและพระผู้ช่วยของเขา

พระเยซูได้ตรัสด้วยว่า "ผู้ที่อาบน้ำแล้วจำเป็นแค่ล้างแต่เท้าเท่านั้น" ดังนั้นเราได้เรียนรู้ว่า ในขณะที่ทั้งร่างกายของเราได้ถูกล้างด้วยโลหิตพระเยซูครั้งเดียวเพื่อตลอดไป แต่เท้าของเราจำเป็นต้องถูกล้างบ่อย ๆ ดังนั้นพระองค์จึงตรัสว่า "พวกท่านก็ควรจะล้างเท้าของกันและกันด้วย" (ยอห์น 13:14)

ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าในการดำเนินชีวิตคริสเตียนของเรานั้น เท้าของเรามักต้องเปรอะเปื้อนไปด้วยผงคลีดินของโลก เราไม่ได้เป็นของโลกแต่เราต้องอยู่ในโลก และโลกที่เราอาศัยอยู่นี้ก็เป็นโลกที่ล้มลงในบาป เราอยู่ท่ามกลางความกังวลของชีวิตนี้ และบางครั้งท่ามกลางแนวคิดที่สกปรกไม่บริสุทธิ์จากสื่อ เรายังเผชิญการทดลองจากเนื้อหนังและความคิดกล่าวหาจากมาร ดังนั้นเท้าของเราจึงจำเป็นต้องได้รับการล้างบ่อย ๆ ด้วยพระวจนะของพระเจ้า เพื่อล้างเราจากฝุ่นผงคลีของโลกนี้และเพื่อเปลี่ยนแปลงความคิดเราใหม่ด้วพระวจนะของพระเจ้าเกี่ยวกับที่ว่าเราเป็นใครในพระคริสต์

ดังนั้นเราควรจะล้างเท้าซึ่งกันและกันด้วยคำของเราที่สอดคล้องกับข่าวประเสริฐแห่งพระคุณ เราจำเป็นต้องเตือนซึ่งกันและกันว่าเราคือผู้ที่ถูกสร้างใหม่ ถูกสร้างขึ้นในความบริสุทธิ์และความชอบธรรมแท้ (อฟ.4:24) เราเห็นและปฏิบัติต่อกันและกันดังเช่นพระวิหารที่มีชีวิตของพระวิญญาณบริสุทธิ์ (1 คร.6:19) ในทางแบบนี้เราก็จะสามารถเสริมสร้างกันและกันขึ้นในความรัก แทนที่จะทำลายกันลงด้วยการกล่าวโทษ (2 คร.13:10)

ดังนั้นถ้อยคำของเราที่มีต่อกันและกันจึงควรเต็มไปด้วยพระคุณและความจริง ไม่ว่าจะในการสอนหรือการสนทนา ดังที่พระธรรมฮีบรู 13:9 กล่าวว่า "อย่าหลงไปตามคำสอนต่างๆ ที่แปลกๆ เพราะว่าเป็นการดีอยู่แล้วที่จะให้กำลังใจเข้มแข็งขึ้นด้วยพระคุณ"

Comments