ถูกกำหนดมาให้ครอบครอง (Destined To Reign)
(แปลจากบางส่วนของหนังสือ Destined To Reign ของ Ps. Joseph Prince)
คุณถูกกำหนดมาให้ครอบครองในชีวิต
คุณถูกเรียกโดยพระเจ้าให้ประสบความสำเร็จ ให้ชื่นชมยินดีในความมั่งคั่ง ให้ชื่นชมยินดีในสุขภาพที่ดี และให้ชื่นชมยินดีในชีวิตแห่งชัยชนะ
มันไม่ใช่ความต้องการของพระเจ้าที่จะให้คุณมีชีวิตแห่งความพ่ายแพ้ ความยากจนและความล้มเหลว
พระองค์ได้เรียกคุณมาให้เป็นหัวไม่ใช่หาง
ถ้าคุณเป็นนักธุรกิจ พระเจ้าต้องการให้คุณมีธุรกิจที่มั่งคั่ง ถ้าคุณเป็นแม่บ้าน พระเจ้าได้เจิมคุณให้เลี้ยงดูลูกที่ยอดเยี่ยม ถ้าคุณเป็นนักเรียน พระเจ้าต้องการให้คุณดีเลิศในทุก ๆ การสอบของคุณ และถ้าคุณกำลังวางใจพระเจ้าในการหาอาชีพใหม่ พระองค์ไม่ได้ต้องการให้คุณได้แค่งานเท่านั้น พระองค์ยังต้องการให้คุณได้ตำแหน่งที่สามารถมีอิทธิพลที่คุณจะเป็นพระพรและสินทรัพย์ให้กับองค์กรคุณ!
ไม่ว่าคุณจะมีวิชาชีพอะไร คุณถูกกำหนดให้ครอบครองในชีวิต เพราะพระเยซูคือองค์พระผู้เป็นเจ้าของชึวิตคุณ เมื่อคุณครอบครองในชีวิต คุณครอบครองเหนือความบาป คุณครอบครองเหนืออำนาจแห่งความมืด และคุณครอบครองเหนือความตกต่ำ เหนือความยากจน เหนือคำแช่งสาปทุกอย่าง และเหนือความเจ็บป่วยและโรคร้ายทุกอย่าง คุณครอบครองเหนือผีมารและอุบายทุกอย่างของมัน!
ฤทธิ์อำนาจที่จะครอบครองไม่ได้ขึ้นอยู่กับภูมิหลังทางครอบครัวของคุณ คุณสมบัติทางการศึกษาของคุณ รูปลักษณ์ของคุณหรือจำนวนเงินในบัญชีเงินฝากของคุณ ฤทธิ์อำนาจที่จะครอบครองทั้งหมดขึ้นอยู่กับพระเยซูและพระองค์เพียงผู้เดียวเท่านั้น พี่น้อง นี่ไม่ใช่เทคนิคจากบรรดาหนังสือเกี่ยวกับการคิดแง่บวก คำกล่าวที่ว่าคุณจะครองครองนั้นขึ้นอยู่กับพระสัญญาที่ได้ถูกบันทึกไว้ตลอดนิรันดร์ในพระคำของพระเจ้า
โรม [5:17] เพราะว่าถ้าโดยการละเมิดของคนนั้นคนเดียว เป็นเหตุให้ความตายครอบงำอยู่โดยคนนั้นคนเดียว มากยิ่งกว่านั้นคนทั้งหลายที่รับพระกรุณาอันไพบูลย์ และรับของประทานคือความชอบธรรมก็จะดำรงชีวิต และครอบครองโดยพระองค์ผู้เดียว คือพระเยซูคริสต์
คำว่า "ครอบครอง" ที่ใช้ใน โรม 5:17 เป็นคำภาษากรีกว่า basileuo ซึ่งเป็นคำในภาษาอังกฤษว่า "basilica" ในอาณาจักรโรมันเดิม คำนี้ถูกใช้ในศาล ดังนั้นมันอ้างถึงการปกครองทางศาลของกษัตริย์ หรือพูดอีกอย่างก็คือ การครอบครองในที่นี้หมายถึงการครองครองในชีวิตดังกษัตริย์ คือที่จะมีปกครองอย่างกษัตริย์และการครอบครองอาณาจักรอย่างกษัตริย์
ถ้าคุณกำลังดำเนินชีวิตแห่งความพ่ายแพ้ พ่ายแพ้ต่อความบาป ต่อการรู้สึกฟ้องผิดตลอดเวลา และการปรักปรำ พ่ายแพ้ต่อความป่วยไข้ ต่อการโจมตีของความกระวนกระวายใจทั้งหลาย ต่อความขาดแคลนทางการเงิน ต่อความสัมพันธ์ที่แตกร้าว คุณไม่ได้กำลังดำเนินชีวิตอย่างที่พระเจ้าตั้งใจให้เป็น บนสิทธิอำนาจแห่งพระคำของพระเจ้า คุณถูกกำหนดให้ "ครองครองในชีวิต" ดังกษัตริย์ ที่จะครอบครองดังกษัตริย์เหนือความท้าทายและสถานการณ์ทุกอย่างของคุณ คุณถูกเรียกให้อยู่เหนือพวกนั้นทั้งหมดและจะไม่ถูกเหยียบย่ำด้วยสิ่งเหล่านั้น ถึงเวลาแล้วที่คุณจะหยุดสละบัลลังก์ หยุดสละสิทธิของคุณที่จะครอบครองในชีวิต!
ทุกวันนี้แทนที่จะเห็นพวกเราครองครองในชีวิต เรากลับเห็นหลักฐานการที่ความตายครอบครองในโลกใบนี้มากกว่า พระคัมภีร์บอกเราว่ามันเป็นเพราะ "การละเมิดของคน ๆ เดียว" - บาปของอาดัมในสวนเอเดนั้น - ความตายก็ได้เริ่มครอบครอง มันเป็นสิ่งสำคัญที่คุณต้องตระหนักว่าชีวิตของเราได้ถูกรวบรวมไว้ในบรรพบุรุษของเราเหล่านั้น คุณจะไม่มีอยู่ถ้าไม่มีปู่ย่าตายายของคุณ ดังนั้นเราเป็นคนบาปไม่ใช่เพระาเราทำบาป แต่เพราะบาปของอาดัม ผู้เชื่อมากมายยังคงคิดว่าพวกเขากลายเป็นคนบาปโดยการทำบาป แต่นั่นไม่ใช่ที่พระวจนะพระเจ้าบอกไว้ พระคัมภีร์บอกว่าเราเป็นคนบาปเพราะบาปของอาดัม ในทำนองเดียวกัน เราถูกทำให้ชอบธรรมในพันธสัญญาใหม่นี้ ไม่ใช่เพราะเราทำการดีแต่เพราะว่า ความเชื่อฟังของมนุษย์ผู้หนึ่ง (พระเยซู) บนไม้กางเขน เคล็ดลับของการครองครองในชีวิตจึงอยู่บนการรับทุกสิ่งที่พระเยซูได้ทำสำเร็จแล้วเพื่อเราบนไม้กางเขนนั้น
การรับเอา กับ การทำให้ได้ (Receiving Versus Achieving)
พระคัมภีร์กล่าวไว้อย่างชัดเจนมากว่าเราจะครอบครองในชีวิตทางพระเยซูคริสต์ ด้วยการเพียงแค่ รับเอา สองสิ่งจากพระองค์ ก็คือ พระคุณอันไพบูลย์และของประทานแห่งความชอบธรรม ทางของพระเจ้านั้นตรงกันข้ามกับทางของมนุษย์ มนุษย์คิดว่าเพื่อให้พระเจ้าอวยพระพร เขาจำเป็นต้องทำตัวให้เหมะสม สมควรกับความโปรดปรานและพระพรของพระเจ้าด้วยความพยายามของตนเอง มนุษย์คิดว่าพระพรของพระเจ้าขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพและการงานที่ดีของเขา
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่วิถีทางของพระเจ้า ทางของพระเจ้าไม่เกี่ยวกับการทำให้ได้ แต่เกี่ยวกับการรับเอา พระองค์สัญญาว่าเมื่อเรารับเอาพระคุณอันไพบูลย์และของประทานแห่งความชอบธรรม เราจะครอบครองในชีวิต พระองค์ไม่ได้พูดว่าเมื่อเราทำให้ได้พระคุณและทำความชอบธรรมของตนให้ได้ แล้วเราจะครอบครองในชีวิต แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง คริสเตียนมากมาย ยังคงดำเนินชีวิตต่อไปบนระบบแห่ง'การทำให้ได้'อยู่
"อาจารย์ ถ้ามันง่ายแบบนั้น แล้วทำไมไม่ค่อยเห็นคริสเตียนครอบครองในชีวิตเท่าไหร่?"
ผมดีใจที่คุณถามคำถามนี้ ในการตอบคำถามนี้ ให้ผมถามคุณคำถามหนึ่งของผมก่อน คุณตระหนักไหมว่าคนส่วนใหญ่เชื่อว่าเขาต้องทำงานหนักจึงจะได้มาซึ่งความสำเร็จในชีวิต? ระบบแห่งความสำเร็จของโลกนี้ถูกสร้างขึ้นมาบนหลักสองหลักคือ ความพยายามของตนและความขยัน จะมี "กฏ" บางอย่างที่คุณต้องยึดไว้ และวิธีการและเทคนิคบางอย่างที่คุณจะต้องฝึกฝนเก่อนที่จะมีผลใด ๆ เกิดขึ้น ส่วนใหญ่ผลที่คุณจะได้ จะเริ่มจางหายไปทันทีที่คุณหยุดที่จะทำตามวิธีและขั้นตอนปฏิบัติที่กำหนดไว้นั้น
เราได้ถูกสอนให้พุ่งความสนใจไปที่การทำให้ได้ ไปที่การทำและพึ่งพาการลงแรงของตนเอง เราถูกขับเคลื่อนด้วยการ "ทำ ทำ ทำ" โดยลืมไปว่าความเชื่อคริสเตียนนั้นจริง ๆ แล้วคือ "เสร็จแล้ว เสร็จแล้ว เสร็จแล้ว" โลกนี้บอกคุณว่ายิ่งคุณทำมากขึ้น ยิ่งคุณพยายามให้หนักขึ้น ยิ่งคุณให้เวลามากขึ้น คุณจะยิ่งได้มาซึ่งความสำเร็จมากขึ้น ทางของโลกนี้จะทำให้คุณทำงานหนักขึ้น ให้ลืมการไปโบสถ์ในวันอาทิตย์ ให้ใช้เวลากับภรรยาและลูก ๆ ของคุณน้อยลง แล้วให้ใช้เวลามากขึ้นในที่ทำงาน ทั้งกลางคืน สุดสัปดาห์ หรือวันหยุด ผมแน่ใจว่าคุณเคยได้ยินว่าคุณจำเป็นต้อง "จ่ายราคา" หรือว่า "ไม่ยากลำบาก ก็ไม่ได้รับ" ใช่ไหม?
สิ่งที่ผู้เชื่อทำก็คือพวกเขานำเอาระบบของโลกมาประยุกต์ใช้ในชีวิตคริสเตียนของพวกเขา แทนที่เขาจะพึ่งพาพระคุณของพระเจ้าสำหรับความโปรดปรานของพระองค์และพระพรที่จะหลังไหลเข้ามา พวกเขากลับพึ่งพาการลงแรงของพวกเขาที่จะพยายามให้ตนสมควรกับความโปรดปรานและพระพรของพระเจ้านั้น
แต่ทางของพระเจ้าไม่ใช่การที่เราจะได้รับพระพรด้วยการลงแรงของเรา คุณไม่สามารถทำให้ได้พระพรของพระเจ้าด้วยกำลังของคุณเอง พระพรของพระเจ้าขึ้นกับพระคุณของพระองค์อย่างเดียว พระพรของพระองค์เหนือชีวิตของคุณต้องเป็นสิ่งที่คุณไม่สมควรได้รับ ไม่สามารถทำให้ได้มา หรือพูดอีกอย่างก็คือ ไม่มีสิ่งใดเลยที่คุณสามารถทำเพื่อให้สมควรกับพระพรของพระองค์ เพราะมันขึ้นกับการรับเอาพระเยซู และโดยงานที่สำเร็จแล้วของพระองค์ พระคุณอันไพบูลย์และของประทานแห่งความชอบธรรมเท่านั้น
พระเจ้าต้องการให้เราหยุดที่จะพยายามทำให้ได้มา และเริ่มต้นรับเอาความโปรดปราน พระพร และการรักษาที่พระเยซูทำสำเร็จแล้วบนกางเขนนั้น เมื่อพระองค์ถูกแขวนไว้บนกางเขนนั้นเมื่อสองพันปีที่แล้ว พระองค์ร้องออกมาด้วยเสียงดังว่า "สำเร็จแล้ว!" ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณและผมต้องมีเพื่อการครอบครองในชีวิตได้ถูกทำสำเร็จแล้วที่กางเขนแทนเรา นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราเรียกสิ่งที่พระเยซูทำที่กางเขนว่า "งานที่สำเร็จแล้ว"! พระองค์ทำสำเร็จแล้ว พระองค์ทำสมบูรณ์แบบแล้ว มันถูกทำเสร็จแล้ว! สิ่งที่ทำให้เกิดผลได้จริงก็คืองานที่สำเร็จแล้วของพระองค์! จงหยุดทำในสิ่งที่ได้ทำเสร็จไปแล้ว! จงหยุดทำและเริ่มต้นรับเอาสิ่งที่พระเยซูได้ทำเสร็จแล้วนั้น!
งานได้เสร็จแล้วจึงประทับ
ผมรักเพลงนมัสการที่เต็มไปด้วยพระเยซูและงานที่สำเร็จแล้วของพระองค์ ในคริสตจักรของผม ผมได้บอกให้ผู้นำนมัสการแน่ใจว่าเพลงที่เราใช้ในรอบนมัสการทั้งหมดต้องเป็นเพลงที่เป็นพยานถึงงานที่สำเร็จแล้วของพระเยซู เช่นการที่เราอยู่ภายใต้พันธสัญญาใหม่นี้ เราไม่จำเป็นต้องอธิษฐานในเพลงของเราสำหรับการยกโทษเพราะพระองค์ได้ทรงยกโทษให้เราแล้ว ผมอยากให้คุณพูดสิ่งนี้ออกมาดัง ๆ ร่วมกับผมว่า
"ข้าพเจ้าได้รับการยกโทษแล้ว!"
โลหิตของพระเยซูได้ชำระเราครั้งเดียวพอ!
พระวจนะของพระเจ้าได้บอกถึงสิ่งนี้เกี่ยวกับงานที่สำเร็จแล้วของพระเยซูบนไม้กางเขน
ฮีบรู [10:12-14] แต่เมื่อพระคริสต์ทรงถวายพระองค์เองเป็นเครื่องสัตวบูชาเพราะบาปเพียงครั้งเดียวเป็นเครื่องบูชาที่ลบบาปได้ตลอดไป พระองค์ก็เสด็จประทับเบื้องขวาของพระเจ้า เพื่อทรงคอยอยู่จนกระทั่ง ศัตรูของพระองค์ถูกนำมาเป็นแท่นรองพระบาทของพระองค์ โดยการถวายบูชาเพียงครั้งเดียว พระองค์ก็ได้ทรงกระทำให้คนทั้งหลายที่ได้รับการทรงชำระให้บริสุทธิ์แล้วนั้นถึงความสมบูรณ์เป็นนิตย์
งานที่สำเร็จแล้วของพระองค์บนกางเขนได้ถูกกระทำเพียงครั้งเดียวเพื่อตลอดไปเป็นนิตย์ และเมื่อคุณรับพระเยซูคริสต์เข้ามาในชีวิตของคุณ คุณก็ได้ถึงความสมบูรณ์เป็นนิตย์! คำว่า "เป็นนิตย์" นั้นยาวนานแค่ไหน? ผมได้ตรวจสอบดูรากศัพท์ภาษากรีกแล้ว ลงทายสิครับว่าเป็นอย่างไร? คำว่า "เป็นนิตย์" ก็คือ เป็นนิตย์! คุณได้ถึงความสมบูรณ์เป็นนิตย์แล้วด้วยโลหิตแห่งการชำระของพระเยซู ไม่ใช่เลือดของสัตว์ที่ไม่เคยสามารถลบล้างบาปได้!
คุณอาจประหลาดใจที่พบว่ามีผู้เชื่อมากมายทุกวันนี้ผู้ซึ่งไม่เชื่อว่าพวกเขาได้ถึงซึ่งความสมบูรณ์เป็นนิตย์แล้วด้วยงานที่สำเร็จแล้วของพระเยซูคริสต์ พวกเขายังคงพึ่งพาความพยายามของพวกเขาเองในการทำให้ตัวเองมีคุณสมบัตินั้น บางทีคุณเองอาจกำลังสงสัยว่า "ฉันจะแน่ใจได้อย่างไรว่าบาปของฉันทั้งหมดได้ถูกยกโทษแล้ว?" เป็นคำถามที่ดีครับ! สังเกตุว่าหลังจากที่พระเยซูได้มอบถวายชีวิตของพระองค์เป็นเครื่องบูชาและค่าจ้างสำหรับบาปทั้งสิ้นของพวกเรานั้น พระองค์ "ประทับ"
พระองค์ประทับ ณ เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระบิดา คุณตระหนักหรือไม่ว่าภายใต้พันธสัญญาเก่านั้น "ฝ่ายปุโรหิตทุกคนก็ยืนปฏิบัติกิจอยู่ทุกวัน โดยการนำเครื่องบูชาอย่างเดียวกันมาถวายเนืองๆเครื่องบูชานั้นจะลบล้างบาปไม่ได้เลย"? แต่พระคัมภีร์ได้พูดต่อไปว่า"แต่เมื่อพระคริสต์ทรงถวายพระองค์เองเป็นเครื่องสัตวบูชา เพราะบาปเพียงครั้งเดียวเป็นเครื่องบูชาที่ลบบาปได้ตลอดไป พระองค์ก็เสด็จประทับ"
พระเยซูประทับเพื่อแสดงให้พวกเราเห็นว่างานนั้นจริง ๆ เสร็จแล้ว ภายใต้พันธสัญญาเก่า ปุโรหิตผู้ซึ่งรับใช้ในพลับพลาของโมเสสไม่เคยได้นั่งลง แต่ "ยืนปฏิบัติกิจอยู่ทุกวัน" เพราะว่างานของพวกเขานั้นไม่เคยเสร็จ เลือดของวัวและแพะนั้น "จะลบล้างบาปไม่ได้เลย" ความจริงคุณเคยสังเกตุไหมว่าในวิสุทธิสถานของพลับพลาโมเสสนั้น ไม่มีเครื่องใช้สักอย่างหนึ่งที่จัดเตรียมไว้เพื่อให้ปุโรหิตนั่ง? คุณจะไม่สามารถหาเก้าอี้สักตัวได้เลยในวิสุทธิสถานนั้น คุณจะพบแท่นเผาเครื่องหอม คันประทีป หรือแม้แต่โต๊ะสำหรับขนมปังหน้าพระพักตร์ แต่ที่น่าสนใจคือ ไม่มีเก้าอี้เลย ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่างานของปุโรหิตไม่เคยเสร็จ มีเพียงงานของพระเยซูเท่านั้นที่เป็นงานที่สำเร็จ และไม่เพียงแค่พระองค์เท่านั้นที่ประทับเบื้องขวาพระหัตถ์ของพระบิดา พระองค์ยังทรงทำให้เราได้นั่งร่วมกับพระองค์ด้วย!
เอเฟซัส [2:4-6] แต่พระเจ้าผู้ทรงเปี่ยมด้วยพระกรุณา เพราะเหตุความรักอันใหญ่หลวง ซึ่งพระองค์ทรงรักเรานั้น ถึงแม้ว่าเมื่อเราตายไปแล้วในการบาป พระองค์ยังทรงกระทำให้เรามีชีวิตอยู่กับพระคริสต์ (ซึ่งท่านทั้งหลายรอดนั้นก็รอดโดยพระคุณ) และพระองค์ทรงให้เราเป็นขึ้นมากับพระองค์ และทรงโปรดให้เรานั่งในสวรรคสถานกับพระเยซูคริสต์
บางทีคุณอาจกำลังสงสัยว่า "แล้วมันเกี่ยวอะไรกับ 'เก้าอี้' และ 'การนั่ง'?" เอาละ พี่น้อง "การนั่งลง" ในพระคัมภีร์เป็นภาพของการพักสงบของผู้เชื่อในงานที่สำเร็จและสมบูรณ์แล้วของพระเยซู พระองค์ได้กระทำให้สำเร็จแล้วซึ่งงานทั้งหมดบนไม้กางเขนในฐานะของคุณ และบัดนี้ได้ประทับเบื้องขวาของพระเจ้า ดังที่มันได้ถูกทำให้เสร็จแล้วในฐานะของเรา นั่นแสดงว่าคุณสามารถหยุดที่จะต้องพึ่งพาความพยายามของตัวเองเพื่อให้ได้มาซึ่งพระพรของพระเจ้าในชีวิตของคุณ คุณสามารถนั่งลงร่วมกับพระเยซูที่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระบิดา!
คราวนี้ ฟังสิ่งที่ผมจะพูดต่อไปนี้ให้ดี ๆ นะครับ ผมไม่ได้สนับสนุนชีวิตที่เรื่อยเปื่อยและเกียจคร้าน คุณสามารถเข้ารับการอบรมต่าง ๆ อ่านหนังสือ ทำงานของคุณอย่างขยันขันแข็ง หรืออื่น ๆ อีกมากมาย แต่ความวางใจของคุณต้องไม่อยู่บนสิ่งเหล่านั้น มันต้องอยู่บนสิ่งที่พระเยซูทำแล้วเพื่อคุณ ดังนั้นตัวอย่าง ถ้าคุณเป็นนักเรียนก็เรียนให้เต็มที่ ทำคะแนนให้ดีที่สุดเพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้า! แต่อย่าไว้วางใจในสติปัญญาหรือคุณสมบัติใด ๆ ของคุณที่จะนำมาซึ่งพระพรจากพระเจ้า
พระคุณของพระเจ้าไม่ได้ทำให้คุณเกียจคร้านหรือไม่เกิดผล ในทางตรงกันข้าม พระคุณพระเจ้าจะทำให้คุณทำงานมากขึ้นอย่างมากเพื่อพระสิริของพระองค์ อัครทูตเปาโล นักเทศน์แห่งพระคุณและงานที่สำเร็จแล้วของพระเยซู ได้กล่าวว่า "ข้าพเจ้ากลับทำงานมากกว่าพวกเขาเสียอีก" ในพันธสัญญาใหม่ วิถีของพระเจ้าคือการที่พระองค์อวยพรเราก่อน และการได้รู้ถึงพระพรของพระองค์จะนำมาซึ่งพลังในการทำงานอย่างมาก พูดอีกอย่างก็คือ เราไม่ได้ทำงานเพื่อให้ได้รับพระพร แต่เรามีพลังที่จะทำงานเพราะเราได้รับการอวยพรแล้ว คุณมองเห็นความแตกต่างในการทำงานในพันธสัญญาใหม่นี้ไหม?
คริสเตียนมากมายทุกวันนี้พ่ายแพ้เพราะพวกเขากำลังดิ้นรนที่จะทำตัวเองให้สมควรสำหรับพระพรของพระเจ้าด้วยการงานของพวกเขาเอง การพึ่งตัวเองจะปล้นคุณจากการครองครองในชีวิตโดยพระคุณของพระองค์ คุณไม่สามารถทำให้ได้มาซึ่งความรอดของคุณ การรักษาของคุณ หรือการปลดปล่อยทางการเงินของคุณด้วยความพยายามของคุณเอง ถ้าการอัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ซึ่งคือการได้รอดพ้นจากบึงไฟนรก ยังมาโดยพระคุณทางความเชื่อ และไม่ใช่โดยการงานของคุณเอง แล้วจะยิ่งกว่านั้นสักเท่าไรสำหรับการอัศจรรย์ที่เล็กน้อยกว่านั้น เช่นการรักษา ความมั่งคั่ง และการแต่งงานที่ได้รับการรื้อฟื้น
พี่น้อง พระเยซูได้กระทำสำเร็จแล้วทุกสิ่งบนไม้กางเขน ส่วนของเราก็คือการเชื่อวางใจในงานที่สมบูรณ์แบบของพระองค์ รับเอาพระคุณอันไพบูลย์และของประทานแห่งความชอบธรรมด้วยมือที่เปิดออก แล้วเริ่มต้นที่จะครอบครองในชีวิตโดยทางผู้เดียวนั้น พระเยซูคริสต์ วันนี้ให้เป็นคำอธิษฐานของคุณที่คุณจะหยุดพยายามทำให้ได้มาซึ่งพระคุณและความชอบธรรมของพระเจ้า แต่ให้พระวิญญาณบริสุทธิ์สอนคุณที่จะเริ่มต้นพึ่งพางานที่สำเร็จแล้วของพระเยซูและเริ่มต้นที่จะรับเอาพระคุณของพระองค์ นี่คือวิถีทางง่าย ๆ ของพระเจ้าให้เราไปสู่ความสำเร็จ ความสมบูรณ์ และชัยชนะในการดำเนินชีวิตของเรา
คุณถูกกำหนดมาให้ครอบครองในชีวิต
คุณถูกเรียกโดยพระเจ้าให้ประสบความสำเร็จ ให้ชื่นชมยินดีในความมั่งคั่ง ให้ชื่นชมยินดีในสุขภาพที่ดี และให้ชื่นชมยินดีในชีวิตแห่งชัยชนะ
มันไม่ใช่ความต้องการของพระเจ้าที่จะให้คุณมีชีวิตแห่งความพ่ายแพ้ ความยากจนและความล้มเหลว
พระองค์ได้เรียกคุณมาให้เป็นหัวไม่ใช่หาง
ถ้าคุณเป็นนักธุรกิจ พระเจ้าต้องการให้คุณมีธุรกิจที่มั่งคั่ง ถ้าคุณเป็นแม่บ้าน พระเจ้าได้เจิมคุณให้เลี้ยงดูลูกที่ยอดเยี่ยม ถ้าคุณเป็นนักเรียน พระเจ้าต้องการให้คุณดีเลิศในทุก ๆ การสอบของคุณ และถ้าคุณกำลังวางใจพระเจ้าในการหาอาชีพใหม่ พระองค์ไม่ได้ต้องการให้คุณได้แค่งานเท่านั้น พระองค์ยังต้องการให้คุณได้ตำแหน่งที่สามารถมีอิทธิพลที่คุณจะเป็นพระพรและสินทรัพย์ให้กับองค์กรคุณ!
ไม่ว่าคุณจะมีวิชาชีพอะไร คุณถูกกำหนดให้ครอบครองในชีวิต เพราะพระเยซูคือองค์พระผู้เป็นเจ้าของชึวิตคุณ เมื่อคุณครอบครองในชีวิต คุณครอบครองเหนือความบาป คุณครอบครองเหนืออำนาจแห่งความมืด และคุณครอบครองเหนือความตกต่ำ เหนือความยากจน เหนือคำแช่งสาปทุกอย่าง และเหนือความเจ็บป่วยและโรคร้ายทุกอย่าง คุณครอบครองเหนือผีมารและอุบายทุกอย่างของมัน!
ฤทธิ์อำนาจที่จะครอบครองไม่ได้ขึ้นอยู่กับภูมิหลังทางครอบครัวของคุณ คุณสมบัติทางการศึกษาของคุณ รูปลักษณ์ของคุณหรือจำนวนเงินในบัญชีเงินฝากของคุณ ฤทธิ์อำนาจที่จะครอบครองทั้งหมดขึ้นอยู่กับพระเยซูและพระองค์เพียงผู้เดียวเท่านั้น พี่น้อง นี่ไม่ใช่เทคนิคจากบรรดาหนังสือเกี่ยวกับการคิดแง่บวก คำกล่าวที่ว่าคุณจะครองครองนั้นขึ้นอยู่กับพระสัญญาที่ได้ถูกบันทึกไว้ตลอดนิรันดร์ในพระคำของพระเจ้า
โรม [5:17] เพราะว่าถ้าโดยการละเมิดของคนนั้นคนเดียว เป็นเหตุให้ความตายครอบงำอยู่โดยคนนั้นคนเดียว มากยิ่งกว่านั้นคนทั้งหลายที่รับพระกรุณาอันไพบูลย์ และรับของประทานคือความชอบธรรมก็จะดำรงชีวิต และครอบครองโดยพระองค์ผู้เดียว คือพระเยซูคริสต์
คำว่า "ครอบครอง" ที่ใช้ใน โรม 5:17 เป็นคำภาษากรีกว่า basileuo ซึ่งเป็นคำในภาษาอังกฤษว่า "basilica" ในอาณาจักรโรมันเดิม คำนี้ถูกใช้ในศาล ดังนั้นมันอ้างถึงการปกครองทางศาลของกษัตริย์ หรือพูดอีกอย่างก็คือ การครอบครองในที่นี้หมายถึงการครองครองในชีวิตดังกษัตริย์ คือที่จะมีปกครองอย่างกษัตริย์และการครอบครองอาณาจักรอย่างกษัตริย์
ถ้าคุณกำลังดำเนินชีวิตแห่งความพ่ายแพ้ พ่ายแพ้ต่อความบาป ต่อการรู้สึกฟ้องผิดตลอดเวลา และการปรักปรำ พ่ายแพ้ต่อความป่วยไข้ ต่อการโจมตีของความกระวนกระวายใจทั้งหลาย ต่อความขาดแคลนทางการเงิน ต่อความสัมพันธ์ที่แตกร้าว คุณไม่ได้กำลังดำเนินชีวิตอย่างที่พระเจ้าตั้งใจให้เป็น บนสิทธิอำนาจแห่งพระคำของพระเจ้า คุณถูกกำหนดให้ "ครองครองในชีวิต" ดังกษัตริย์ ที่จะครอบครองดังกษัตริย์เหนือความท้าทายและสถานการณ์ทุกอย่างของคุณ คุณถูกเรียกให้อยู่เหนือพวกนั้นทั้งหมดและจะไม่ถูกเหยียบย่ำด้วยสิ่งเหล่านั้น ถึงเวลาแล้วที่คุณจะหยุดสละบัลลังก์ หยุดสละสิทธิของคุณที่จะครอบครองในชีวิต!
ทุกวันนี้แทนที่จะเห็นพวกเราครองครองในชีวิต เรากลับเห็นหลักฐานการที่ความตายครอบครองในโลกใบนี้มากกว่า พระคัมภีร์บอกเราว่ามันเป็นเพราะ "การละเมิดของคน ๆ เดียว" - บาปของอาดัมในสวนเอเดนั้น - ความตายก็ได้เริ่มครอบครอง มันเป็นสิ่งสำคัญที่คุณต้องตระหนักว่าชีวิตของเราได้ถูกรวบรวมไว้ในบรรพบุรุษของเราเหล่านั้น คุณจะไม่มีอยู่ถ้าไม่มีปู่ย่าตายายของคุณ ดังนั้นเราเป็นคนบาปไม่ใช่เพระาเราทำบาป แต่เพราะบาปของอาดัม ผู้เชื่อมากมายยังคงคิดว่าพวกเขากลายเป็นคนบาปโดยการทำบาป แต่นั่นไม่ใช่ที่พระวจนะพระเจ้าบอกไว้ พระคัมภีร์บอกว่าเราเป็นคนบาปเพราะบาปของอาดัม ในทำนองเดียวกัน เราถูกทำให้ชอบธรรมในพันธสัญญาใหม่นี้ ไม่ใช่เพราะเราทำการดีแต่เพราะว่า ความเชื่อฟังของมนุษย์ผู้หนึ่ง (พระเยซู) บนไม้กางเขน เคล็ดลับของการครองครองในชีวิตจึงอยู่บนการรับทุกสิ่งที่พระเยซูได้ทำสำเร็จแล้วเพื่อเราบนไม้กางเขนนั้น
การรับเอา กับ การทำให้ได้ (Receiving Versus Achieving)
พระคัมภีร์กล่าวไว้อย่างชัดเจนมากว่าเราจะครอบครองในชีวิตทางพระเยซูคริสต์ ด้วยการเพียงแค่ รับเอา สองสิ่งจากพระองค์ ก็คือ พระคุณอันไพบูลย์และของประทานแห่งความชอบธรรม ทางของพระเจ้านั้นตรงกันข้ามกับทางของมนุษย์ มนุษย์คิดว่าเพื่อให้พระเจ้าอวยพระพร เขาจำเป็นต้องทำตัวให้เหมะสม สมควรกับความโปรดปรานและพระพรของพระเจ้าด้วยความพยายามของตนเอง มนุษย์คิดว่าพระพรของพระเจ้าขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพและการงานที่ดีของเขา
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่วิถีทางของพระเจ้า ทางของพระเจ้าไม่เกี่ยวกับการทำให้ได้ แต่เกี่ยวกับการรับเอา พระองค์สัญญาว่าเมื่อเรารับเอาพระคุณอันไพบูลย์และของประทานแห่งความชอบธรรม เราจะครอบครองในชีวิต พระองค์ไม่ได้พูดว่าเมื่อเราทำให้ได้พระคุณและทำความชอบธรรมของตนให้ได้ แล้วเราจะครอบครองในชีวิต แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง คริสเตียนมากมาย ยังคงดำเนินชีวิตต่อไปบนระบบแห่ง'การทำให้ได้'อยู่
"อาจารย์ ถ้ามันง่ายแบบนั้น แล้วทำไมไม่ค่อยเห็นคริสเตียนครอบครองในชีวิตเท่าไหร่?"
ผมดีใจที่คุณถามคำถามนี้ ในการตอบคำถามนี้ ให้ผมถามคุณคำถามหนึ่งของผมก่อน คุณตระหนักไหมว่าคนส่วนใหญ่เชื่อว่าเขาต้องทำงานหนักจึงจะได้มาซึ่งความสำเร็จในชีวิต? ระบบแห่งความสำเร็จของโลกนี้ถูกสร้างขึ้นมาบนหลักสองหลักคือ ความพยายามของตนและความขยัน จะมี "กฏ" บางอย่างที่คุณต้องยึดไว้ และวิธีการและเทคนิคบางอย่างที่คุณจะต้องฝึกฝนเก่อนที่จะมีผลใด ๆ เกิดขึ้น ส่วนใหญ่ผลที่คุณจะได้ จะเริ่มจางหายไปทันทีที่คุณหยุดที่จะทำตามวิธีและขั้นตอนปฏิบัติที่กำหนดไว้นั้น
เราได้ถูกสอนให้พุ่งความสนใจไปที่การทำให้ได้ ไปที่การทำและพึ่งพาการลงแรงของตนเอง เราถูกขับเคลื่อนด้วยการ "ทำ ทำ ทำ" โดยลืมไปว่าความเชื่อคริสเตียนนั้นจริง ๆ แล้วคือ "เสร็จแล้ว เสร็จแล้ว เสร็จแล้ว" โลกนี้บอกคุณว่ายิ่งคุณทำมากขึ้น ยิ่งคุณพยายามให้หนักขึ้น ยิ่งคุณให้เวลามากขึ้น คุณจะยิ่งได้มาซึ่งความสำเร็จมากขึ้น ทางของโลกนี้จะทำให้คุณทำงานหนักขึ้น ให้ลืมการไปโบสถ์ในวันอาทิตย์ ให้ใช้เวลากับภรรยาและลูก ๆ ของคุณน้อยลง แล้วให้ใช้เวลามากขึ้นในที่ทำงาน ทั้งกลางคืน สุดสัปดาห์ หรือวันหยุด ผมแน่ใจว่าคุณเคยได้ยินว่าคุณจำเป็นต้อง "จ่ายราคา" หรือว่า "ไม่ยากลำบาก ก็ไม่ได้รับ" ใช่ไหม?
สิ่งที่ผู้เชื่อทำก็คือพวกเขานำเอาระบบของโลกมาประยุกต์ใช้ในชีวิตคริสเตียนของพวกเขา แทนที่เขาจะพึ่งพาพระคุณของพระเจ้าสำหรับความโปรดปรานของพระองค์และพระพรที่จะหลังไหลเข้ามา พวกเขากลับพึ่งพาการลงแรงของพวกเขาที่จะพยายามให้ตนสมควรกับความโปรดปรานและพระพรของพระเจ้านั้น
แต่ทางของพระเจ้าไม่ใช่การที่เราจะได้รับพระพรด้วยการลงแรงของเรา คุณไม่สามารถทำให้ได้พระพรของพระเจ้าด้วยกำลังของคุณเอง พระพรของพระเจ้าขึ้นกับพระคุณของพระองค์อย่างเดียว พระพรของพระองค์เหนือชีวิตของคุณต้องเป็นสิ่งที่คุณไม่สมควรได้รับ ไม่สามารถทำให้ได้มา หรือพูดอีกอย่างก็คือ ไม่มีสิ่งใดเลยที่คุณสามารถทำเพื่อให้สมควรกับพระพรของพระองค์ เพราะมันขึ้นกับการรับเอาพระเยซู และโดยงานที่สำเร็จแล้วของพระองค์ พระคุณอันไพบูลย์และของประทานแห่งความชอบธรรมเท่านั้น
พระเจ้าต้องการให้เราหยุดที่จะพยายามทำให้ได้มา และเริ่มต้นรับเอาความโปรดปราน พระพร และการรักษาที่พระเยซูทำสำเร็จแล้วบนกางเขนนั้น เมื่อพระองค์ถูกแขวนไว้บนกางเขนนั้นเมื่อสองพันปีที่แล้ว พระองค์ร้องออกมาด้วยเสียงดังว่า "สำเร็จแล้ว!" ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณและผมต้องมีเพื่อการครอบครองในชีวิตได้ถูกทำสำเร็จแล้วที่กางเขนแทนเรา นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราเรียกสิ่งที่พระเยซูทำที่กางเขนว่า "งานที่สำเร็จแล้ว"! พระองค์ทำสำเร็จแล้ว พระองค์ทำสมบูรณ์แบบแล้ว มันถูกทำเสร็จแล้ว! สิ่งที่ทำให้เกิดผลได้จริงก็คืองานที่สำเร็จแล้วของพระองค์! จงหยุดทำในสิ่งที่ได้ทำเสร็จไปแล้ว! จงหยุดทำและเริ่มต้นรับเอาสิ่งที่พระเยซูได้ทำเสร็จแล้วนั้น!
งานได้เสร็จแล้วจึงประทับ
ผมรักเพลงนมัสการที่เต็มไปด้วยพระเยซูและงานที่สำเร็จแล้วของพระองค์ ในคริสตจักรของผม ผมได้บอกให้ผู้นำนมัสการแน่ใจว่าเพลงที่เราใช้ในรอบนมัสการทั้งหมดต้องเป็นเพลงที่เป็นพยานถึงงานที่สำเร็จแล้วของพระเยซู เช่นการที่เราอยู่ภายใต้พันธสัญญาใหม่นี้ เราไม่จำเป็นต้องอธิษฐานในเพลงของเราสำหรับการยกโทษเพราะพระองค์ได้ทรงยกโทษให้เราแล้ว ผมอยากให้คุณพูดสิ่งนี้ออกมาดัง ๆ ร่วมกับผมว่า
"ข้าพเจ้าได้รับการยกโทษแล้ว!"
โลหิตของพระเยซูได้ชำระเราครั้งเดียวพอ!
พระวจนะของพระเจ้าได้บอกถึงสิ่งนี้เกี่ยวกับงานที่สำเร็จแล้วของพระเยซูบนไม้กางเขน
ฮีบรู [10:12-14] แต่เมื่อพระคริสต์ทรงถวายพระองค์เองเป็นเครื่องสัตวบูชาเพราะบาปเพียงครั้งเดียวเป็นเครื่องบูชาที่ลบบาปได้ตลอดไป พระองค์ก็เสด็จประทับเบื้องขวาของพระเจ้า เพื่อทรงคอยอยู่จนกระทั่ง ศัตรูของพระองค์ถูกนำมาเป็นแท่นรองพระบาทของพระองค์ โดยการถวายบูชาเพียงครั้งเดียว พระองค์ก็ได้ทรงกระทำให้คนทั้งหลายที่ได้รับการทรงชำระให้บริสุทธิ์แล้วนั้นถึงความสมบูรณ์เป็นนิตย์
งานที่สำเร็จแล้วของพระองค์บนกางเขนได้ถูกกระทำเพียงครั้งเดียวเพื่อตลอดไปเป็นนิตย์ และเมื่อคุณรับพระเยซูคริสต์เข้ามาในชีวิตของคุณ คุณก็ได้ถึงความสมบูรณ์เป็นนิตย์! คำว่า "เป็นนิตย์" นั้นยาวนานแค่ไหน? ผมได้ตรวจสอบดูรากศัพท์ภาษากรีกแล้ว ลงทายสิครับว่าเป็นอย่างไร? คำว่า "เป็นนิตย์" ก็คือ เป็นนิตย์! คุณได้ถึงความสมบูรณ์เป็นนิตย์แล้วด้วยโลหิตแห่งการชำระของพระเยซู ไม่ใช่เลือดของสัตว์ที่ไม่เคยสามารถลบล้างบาปได้!
คุณอาจประหลาดใจที่พบว่ามีผู้เชื่อมากมายทุกวันนี้ผู้ซึ่งไม่เชื่อว่าพวกเขาได้ถึงซึ่งความสมบูรณ์เป็นนิตย์แล้วด้วยงานที่สำเร็จแล้วของพระเยซูคริสต์ พวกเขายังคงพึ่งพาความพยายามของพวกเขาเองในการทำให้ตัวเองมีคุณสมบัตินั้น บางทีคุณเองอาจกำลังสงสัยว่า "ฉันจะแน่ใจได้อย่างไรว่าบาปของฉันทั้งหมดได้ถูกยกโทษแล้ว?" เป็นคำถามที่ดีครับ! สังเกตุว่าหลังจากที่พระเยซูได้มอบถวายชีวิตของพระองค์เป็นเครื่องบูชาและค่าจ้างสำหรับบาปทั้งสิ้นของพวกเรานั้น พระองค์ "ประทับ"
พระองค์ประทับ ณ เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระบิดา คุณตระหนักหรือไม่ว่าภายใต้พันธสัญญาเก่านั้น "ฝ่ายปุโรหิตทุกคนก็ยืนปฏิบัติกิจอยู่ทุกวัน โดยการนำเครื่องบูชาอย่างเดียวกันมาถวายเนืองๆเครื่องบูชานั้นจะลบล้างบาปไม่ได้เลย"? แต่พระคัมภีร์ได้พูดต่อไปว่า"แต่เมื่อพระคริสต์ทรงถวายพระองค์เองเป็นเครื่องสัตวบูชา เพราะบาปเพียงครั้งเดียวเป็นเครื่องบูชาที่ลบบาปได้ตลอดไป พระองค์ก็เสด็จประทับ"
พระเยซูประทับเพื่อแสดงให้พวกเราเห็นว่างานนั้นจริง ๆ เสร็จแล้ว ภายใต้พันธสัญญาเก่า ปุโรหิตผู้ซึ่งรับใช้ในพลับพลาของโมเสสไม่เคยได้นั่งลง แต่ "ยืนปฏิบัติกิจอยู่ทุกวัน" เพราะว่างานของพวกเขานั้นไม่เคยเสร็จ เลือดของวัวและแพะนั้น "จะลบล้างบาปไม่ได้เลย" ความจริงคุณเคยสังเกตุไหมว่าในวิสุทธิสถานของพลับพลาโมเสสนั้น ไม่มีเครื่องใช้สักอย่างหนึ่งที่จัดเตรียมไว้เพื่อให้ปุโรหิตนั่ง? คุณจะไม่สามารถหาเก้าอี้สักตัวได้เลยในวิสุทธิสถานนั้น คุณจะพบแท่นเผาเครื่องหอม คันประทีป หรือแม้แต่โต๊ะสำหรับขนมปังหน้าพระพักตร์ แต่ที่น่าสนใจคือ ไม่มีเก้าอี้เลย ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่างานของปุโรหิตไม่เคยเสร็จ มีเพียงงานของพระเยซูเท่านั้นที่เป็นงานที่สำเร็จ และไม่เพียงแค่พระองค์เท่านั้นที่ประทับเบื้องขวาพระหัตถ์ของพระบิดา พระองค์ยังทรงทำให้เราได้นั่งร่วมกับพระองค์ด้วย!
เอเฟซัส [2:4-6] แต่พระเจ้าผู้ทรงเปี่ยมด้วยพระกรุณา เพราะเหตุความรักอันใหญ่หลวง ซึ่งพระองค์ทรงรักเรานั้น ถึงแม้ว่าเมื่อเราตายไปแล้วในการบาป พระองค์ยังทรงกระทำให้เรามีชีวิตอยู่กับพระคริสต์ (ซึ่งท่านทั้งหลายรอดนั้นก็รอดโดยพระคุณ) และพระองค์ทรงให้เราเป็นขึ้นมากับพระองค์ และทรงโปรดให้เรานั่งในสวรรคสถานกับพระเยซูคริสต์
บางทีคุณอาจกำลังสงสัยว่า "แล้วมันเกี่ยวอะไรกับ 'เก้าอี้' และ 'การนั่ง'?" เอาละ พี่น้อง "การนั่งลง" ในพระคัมภีร์เป็นภาพของการพักสงบของผู้เชื่อในงานที่สำเร็จและสมบูรณ์แล้วของพระเยซู พระองค์ได้กระทำให้สำเร็จแล้วซึ่งงานทั้งหมดบนไม้กางเขนในฐานะของคุณ และบัดนี้ได้ประทับเบื้องขวาของพระเจ้า ดังที่มันได้ถูกทำให้เสร็จแล้วในฐานะของเรา นั่นแสดงว่าคุณสามารถหยุดที่จะต้องพึ่งพาความพยายามของตัวเองเพื่อให้ได้มาซึ่งพระพรของพระเจ้าในชีวิตของคุณ คุณสามารถนั่งลงร่วมกับพระเยซูที่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระบิดา!
คราวนี้ ฟังสิ่งที่ผมจะพูดต่อไปนี้ให้ดี ๆ นะครับ ผมไม่ได้สนับสนุนชีวิตที่เรื่อยเปื่อยและเกียจคร้าน คุณสามารถเข้ารับการอบรมต่าง ๆ อ่านหนังสือ ทำงานของคุณอย่างขยันขันแข็ง หรืออื่น ๆ อีกมากมาย แต่ความวางใจของคุณต้องไม่อยู่บนสิ่งเหล่านั้น มันต้องอยู่บนสิ่งที่พระเยซูทำแล้วเพื่อคุณ ดังนั้นตัวอย่าง ถ้าคุณเป็นนักเรียนก็เรียนให้เต็มที่ ทำคะแนนให้ดีที่สุดเพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้า! แต่อย่าไว้วางใจในสติปัญญาหรือคุณสมบัติใด ๆ ของคุณที่จะนำมาซึ่งพระพรจากพระเจ้า
พระคุณของพระเจ้าไม่ได้ทำให้คุณเกียจคร้านหรือไม่เกิดผล ในทางตรงกันข้าม พระคุณพระเจ้าจะทำให้คุณทำงานมากขึ้นอย่างมากเพื่อพระสิริของพระองค์ อัครทูตเปาโล นักเทศน์แห่งพระคุณและงานที่สำเร็จแล้วของพระเยซู ได้กล่าวว่า "ข้าพเจ้ากลับทำงานมากกว่าพวกเขาเสียอีก" ในพันธสัญญาใหม่ วิถีของพระเจ้าคือการที่พระองค์อวยพรเราก่อน และการได้รู้ถึงพระพรของพระองค์จะนำมาซึ่งพลังในการทำงานอย่างมาก พูดอีกอย่างก็คือ เราไม่ได้ทำงานเพื่อให้ได้รับพระพร แต่เรามีพลังที่จะทำงานเพราะเราได้รับการอวยพรแล้ว คุณมองเห็นความแตกต่างในการทำงานในพันธสัญญาใหม่นี้ไหม?
คริสเตียนมากมายทุกวันนี้พ่ายแพ้เพราะพวกเขากำลังดิ้นรนที่จะทำตัวเองให้สมควรสำหรับพระพรของพระเจ้าด้วยการงานของพวกเขาเอง การพึ่งตัวเองจะปล้นคุณจากการครองครองในชีวิตโดยพระคุณของพระองค์ คุณไม่สามารถทำให้ได้มาซึ่งความรอดของคุณ การรักษาของคุณ หรือการปลดปล่อยทางการเงินของคุณด้วยความพยายามของคุณเอง ถ้าการอัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ซึ่งคือการได้รอดพ้นจากบึงไฟนรก ยังมาโดยพระคุณทางความเชื่อ และไม่ใช่โดยการงานของคุณเอง แล้วจะยิ่งกว่านั้นสักเท่าไรสำหรับการอัศจรรย์ที่เล็กน้อยกว่านั้น เช่นการรักษา ความมั่งคั่ง และการแต่งงานที่ได้รับการรื้อฟื้น
พี่น้อง พระเยซูได้กระทำสำเร็จแล้วทุกสิ่งบนไม้กางเขน ส่วนของเราก็คือการเชื่อวางใจในงานที่สมบูรณ์แบบของพระองค์ รับเอาพระคุณอันไพบูลย์และของประทานแห่งความชอบธรรมด้วยมือที่เปิดออก แล้วเริ่มต้นที่จะครอบครองในชีวิตโดยทางผู้เดียวนั้น พระเยซูคริสต์ วันนี้ให้เป็นคำอธิษฐานของคุณที่คุณจะหยุดพยายามทำให้ได้มาซึ่งพระคุณและความชอบธรรมของพระเจ้า แต่ให้พระวิญญาณบริสุทธิ์สอนคุณที่จะเริ่มต้นพึ่งพางานที่สำเร็จแล้วของพระเยซูและเริ่มต้นที่จะรับเอาพระคุณของพระองค์ นี่คือวิถีทางง่าย ๆ ของพระเจ้าให้เราไปสู่ความสำเร็จ ความสมบูรณ์ และชัยชนะในการดำเนินชีวิตของเรา
Comments
Post a Comment