การอดอาหารที่แท้

หนึ่งในคำที่พระคัมภีร์ใช้เพื่อให้ความเข้าใจเรื่องการเป็นอยู่ของมนุษย์คือภาชนะ ผมเคยมีปัญหากับการอธิบายความเป็นมนุษย์ของเราในลักษณะนี้ อย่างไรก็ตามผมได้มาถึงความเข้าใจที่ว่านี่คือคำอธิบายที่ดีมากเมื่อได้เข้าใจอย่างถูกต้อง พวกเราส่วนใหญ่ยอมรับว่า "คำ" เป็นเพียงเงาของความจริงของสิ่งต่าง ๆ ตัวมันเองไม่ใช่สิ่งนั้นจริง ๆ การถูกเรียกว่าภาชนะจึงเป็นเพียงด้านหนึ่งของความสลับซับซ้อนของการเป็นอยู่ของเราเท่านั้น ภาพเปรียบเทียบด้วยภาชนะเป็นสิ่งมีค่าและช่วยปลดปล่อยด้วยความจริงที่ว่ามันเล็งถึงสิ่งที่ไม่สามารถเติมเต็มตัวเองได้ด้วยความช่วยเหลือจากกำลังอันอ่อนแอของตัวเอง

การยืนกรานว่าภาชนะสามารถเติมตัวเองได้นั้นเป็นความขัดแย้งกันเองที่น่าขัน แก้วนั้นไม่สามารถเติมตัวเองได้ ใครบางคนข้างนอกและที่ยิ่งใหญ่กว่าแก้วนั้นเป็นผู้เติมน้ำเข้าไปในมัน อย่างไรก็ตามเราเป็นภาชนะที่มีความโน้มเอียงที่ต้องการจะเติมตัวเราเอง บางทีนั่นน่าจะเป็นประเด็นหลักของภาพเปรียบเทียบด้วยภาชนะนี้ มนุษย์ตั้งตนเองอยู่บนงานที่เป็นไปไม่ได้และก็ถูกทำให้สับสนซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยความพยายามของตนเอง ธรรมบัญญัติได้ถูกบรรจงออกแบบมาเพื่อเปิดเผยความจริงนี้และสำแดงความว่างเปล่าของเราในฐานะภาชนะ

พันธกิจที่เคร่งในกฏบัญญัติจะหนุนใจผู้เชื่อให้เติมตัวเองด้วยการงานที่ดี ความประพฤติที่ถูกต้อง ชีวิตอธิษฐานที่ประสบความสำเร็จ ความรักและสิ่งอื่น ๆ ทั้งหมดที่เรานับเข้ากับการเป็นคริสเตียน เป็นเพราะเราไม่เข้าใจอย่างแท้จริงในวิถีทางที่เราได้ถูกสร้างมาอย่างแปลกประหลาดและน่ากลัว เราจึงอุทิศตัวเราเองกับพระเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่าและให้สัญญาว่าจะทำให้ดีขึ้นด้วยความช่วยเหลือของพระองค์ และแน่ละนี่คือวิถีทางแห่งความล้มเหลวอย่างแท้จริง ความจริงแล้วทุก ๆ ความพยายามที่จะดำเนินชีวิตตามกฎระเบียบภายนอกก็คือการพยายามที่จะเติมตัวเอง มีเพียงหนทางเดียวที่จะแก้สภาวะยากลำบากนี้ของเรา ก็คือ ยอมแพ้, พักสงบ, ดำเนินชีวิตอย่างเรียบง่ายและให้พระคริสต์เติมเราด้วยพระองค์เอง เราถูกสร้างมาเพื่อบรรจุใครบางคน เพื่อถูกเติมเต็มด้วยใครบางคนและใครคนนั้นก็คือพระคริสต์

ประเด็นสำคัญสำหรับเรื่องนี้ก็คือว่าเมื่อเราบังเกิดใหม่พระองค์เติมเราด้วยพระองค์เอง เราได้ถูกเติมแล้วเพียงแต่เรายังไม่รู้ สิ่งที่เกิดขึ้นจริง ๆ เมื่อเราพยายามที่จะดำเนินชีวิตคริสเตียนก็คือเรากำลังทำให้ภาพมายาแห่งการแบ่งแยกกลายเป็นสิ่งถาวร ที่ว่าเรามีชีวิตเป็นของเราเองทั้งที่สิ่งตรงกันข้ามต่างหากที่เป็นความจริงที่ถูกต้อง ดังนั้นพระคริสต์จะถูกสำแดงในเราเมื่อเรามาถึงจุดสิ้นสุดของความพยายามของตนเอง และสุดท้ายจุดยืนที่แท้จริงของเราก็จะเริ่มซึมเข้าสู่จิดสำนึกของเราและการไถ่ที่เราปรารถนาก็จะไม่เป็นความจริงที่ห่างไกลอีกต่อไป

ในสิ่งนี้คือเสรีภาพอันงดงามที่พระเยซูได้สัญญากับเหล่าสาวกของพระองค์ เมื่อเราค้นพบว่าพระองค์คือชีวิตของเรา เราก็จะหยุดดิ้นรนไปสู่เป้าหมายที่ไม่สามารถไปถึง และเราจะรับรู้ได้ว่าทุก ๆ ขณะของความล้มเหลวก็คือสิ่งเตือนใจที่มีค่าสำหรับเราถึงความว่างเปล่าของเรา เดี๋ยวนี้เราได้อยู่ ณ ตำแหน่งที่เราสามารถยอมรับตัวเราเองได้ในทุก ๆ สิ่งที่เราเป็นและปล่อยวางทั้งสิ้นให้พระองค์เป็นผู้ทำให้เราสมบูรณ์ในเวลาของพระองค์

ถ้าเราตรวจสอบเรื่องการอดอาหารด้วยความสว่างนี้ มันก็จะเริ่มปรากฎให้เราได้เห็นว่าการอดอาหารนั้นไม่ใช่การบังคับตนในฝ่ายกายภาพ แต่เป็นการบังคับตนในฝ่ายวิญญาณ การอดอาหารที่แท้ก็คือการละเว้นจากความพยายามของตนเองทั้งหลาย มันคือการเลิกจากการพยายามรักษาธรรมบัญญัติหรือกฏระเบียบภายนอกใด ๆ มันคือการทิ้งความคิดที่ว่าเราสามารถเติมตัวเองด้วยท่าที ความคิดและความประพฤติที่ถูกต้องได้ มันคือการออกจากความพยายามที่จะบีบบังคับให้เกิดผลกับต้นไม้แห่งมนุษย์นี้ด้วยอะไรที่เราคิดว่าเป็นวิธีที่ประดิษฐ์ขึ้นอย่างชาญฉลาด เมื่อใดที่เราตระหนักความจริงที่ยิ่งใหญ่ที่สามารถปลดปล่อยเรานี้ได้ เราก็เริ่มกิน อาหารและเครื่องดื่มของเราคือพระคริสต์ พระองค์คืออาหารเพียงอย่างเดียวที่เราต้องการ พระองค์คือผู้นั้นที่เติมเต็มกระเพาะฝ่ายวิญญาณของเรา

แปลจาก http://lonekheir.blogspot.com/2010/08/true-fasting.html

Comments