แยกแยะพระวจนะแห่งความจริงอย่างถูกต้อง (Rightly Dividing The Word)
ในพระธรรม 2 ทธ. 2:15 "จงหมั่นศึกษาค้นคว้าเพื่อสำแดงตนเองให้เป็นที่ชอบพระทัยพระเจ้า เป็นคนงานที่ไม่ต้องละอาย แยกแยะพระวจนะแห่งความจริงนั้นได้อย่างถูกต้อง"
2 Timothy 2:15 Study to shew thyself approved unto God, a workman that needeth not to be ashamed, rightly dividing the word of truth.
อ.เปาโลได้เขียนหนังสือไปกำชับทิโมธีให้แยกแยะพระวจนะให้ถูกต้อง แสดงว่ามีความเป็นไปได้ที่คริสเตียนอาจแยกแยะพระวจนะไม่ถูกต้อง
มีคริสเตียนมากมายยังเข้าใจผิดว่าพันธสัญญาเก่าสิ้นสุดที่พระธรรมมาลาคี ส่วนพันธสัญญาใหม่เริ่มต้นที่พระธรรมมัทธิว
จริง ๆ แล้ว พันธสัญญาเก่าสิ้นสุดลงที่ไม้กางเขน เมื่อพระเยซูคริสต์ร้องออกมาว่า "สำเร็จแล้ว"
ดังนั้นเส้นแบ่งระหว่างพันธสัญญาเก่ากับพันธสัญญาใหม่จึงไม่ใช่หน้ากระดาษว่าง ๆ ที่กั้นระหว่างพระธรรมมาลาคีกับพระธรรมมัทธิว แต่คือไม้กางเขน
นั่นหมายความว่าแม้แต่ขณะที่พระเยซูคริสต์ดำเนินอยู่ก่อนที่จะสิ้นพระชนม์ที่ไม้กางเขนนั้น พระองค์เองก็ยังดำรงอยู่ภายใต้พันธสัญญาเก่าอยู่ ดังนั้นจึงไม่ใช่ทุกสิ่งที่พระองค์ตรัสจะเป็นสิ่งที่พระองค์ประสงค์ให้เราผู้อยู่ภายใต้พันธสัญญาใหม่ปฏิบัติตามเสมอไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพระองค์ตรัสถึงธรรมบัญญัติ พระองค์ไม่ได้ตรัสเพื่อให้เราพยายามประพฤติตามธรรมบัญญัตินั้นให้ได้หรือทำให้ดีขึ้น ตรงกันข้ามพระองค์ตรัสเพื่อให้เรามาถึงจุดที่ตระหนักว่าเราไม่มีทางทำได้เลยมากกว่า เช่นที่พระองค์บอกว่าผู้ใดโกรธผู้อื่นก็ได้เป็นผู้ฆ่าคนเสียแล้ว หรือใครที่มองหญิงอื่นด้วยใจกำหนัดก็ได้ล่วงประเวณีเสียแล้ว พระองค์ยกธรรมบัญญัติให้สูงตามที่เป็น ก็เพื่อให้คนที่เคยคิดว่าตนทำได้ จะได้มาถึงจุดที่ตระหนักว่าแท้จริงแล้วยังห่างไกล และที่จริงก็คือไม่มีทางทำได้เลย!
มีครั้งหนึ่งที่พระเยซูทรงสรุปธรรมบัญญัติ ออกมาเป็น 2 ข้อก็คือ จงรักพระเจ้าด้วยสุดจิตสุดใจ ด้วยสุดความคิดและด้วยสิ้นสุดกำลัง และจงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง (มก. 12:29-31) เมื่อก่อนผมเข้าใจว่าพระเยซูมาเพื่อจะบอกเคล็ดลับให้เราทำตามธรรมบัญญัติได้ ด้วยการ "รัก" รักทั้งพระเจ้า และรักเพื่อนบ้าน ผมก็เลยพยายามรักพระเจ้า และพยายามรักผู้อื่นให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และก็คิดว่าในเมื่อเราได้พยายามที่จะรักอย่างเต็มที่เช่นนี้แล้ว พระเจ้าก็คงพอพระทัยผมแล้วละ อาจจะไม่สมบูรณ์แบบนักแต่พระเจ้าก็คงเข้าใจผม แต่เมื่อได้มาเข้าใจเรื่องงานที่สำเร็จแล้วของพระเยซูคริสต์ ก็ทำให้เข้าใจว่า แม้แต่พระธรรมตอนนี้พระเยซูก็ไม่ได้มีเจตนาบอกเพื่อให้เราพยายามทำให้ได้ ความจริงพระองค์กำลังบอกว่า เราไม่มีทางทำได้มากกว่า เพราะไม่มีใครสามารถรักพระเจ้าได้สุดจิตสุดใจ และก็ไม่มีใครสามารถรักเพื่อนบ้านได้เหมือนรักตนเอง
แท้จริงพระองค์มาเพื่อทำให้ธรรมบัญญัตินั้นสมบูรณ์ด้วยพระองค์เอง มีเพียงพระองค์ผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถทำตามความต้องการของธรรมบัญญัติทุกข้อได้ มีเพียงพระองค์ผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถรักพระเจ้าสุดจิตสุดใจ และสามารถรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเองได้ (ยอมตายแทน) ธรรมบัญญัติจึงมีมามิใช่เพื่อให้เราปฏิบัติ แต่มีเพื่อให้พระเยซูปฏิบัติ และพระองค์ก็ได้ทำสำเร็จแล้วแทนเรา
ไม้กางเขนจึงเป็นจุดสิ้นสุดแล้วของธรรมบัญญัติ เราทั้งหลายผู้เชื่อในพระเยซูคริสต์ ผู้อยู่ในพระเยซูคริสต์ จึงได้รับโทษและคำแช่งสาปของธรรมบัญญัติไปแล้วด้วยพระกายของพระเยซูคริสต์ และได้รับความชอบธรรมของพระเยซูเข้ามาในชีวิตของเราแล้ว เราผู้ซึ่งตายแล้วจากพันธสัญญาเก่า บัดนี้เรามีชีวิตอยู่ภายใต้พันธสัญญาใหม่
เมื่อเราอ่านพระคัมภีร์เราจึงต้องอ่านโดยผ่านเลนส์ของไม้กางเขน ผ่านเลนส์ของงานที่สำเร็จแล้วของพระเยซูคริสต์ ในเมื่อการลงโทษและคำแช่งสาป พระเยซูได้รับแทนเราไปหมดแล้ว ดังนั้นจึงเหลือแต่พระพร และพระสัญญาที่ตกเป็นของเรา เพราะเราอยู่ในพระองค์
2 Timothy 2:15 Study to shew thyself approved unto God, a workman that needeth not to be ashamed, rightly dividing the word of truth.
อ.เปาโลได้เขียนหนังสือไปกำชับทิโมธีให้แยกแยะพระวจนะให้ถูกต้อง แสดงว่ามีความเป็นไปได้ที่คริสเตียนอาจแยกแยะพระวจนะไม่ถูกต้อง
มีคริสเตียนมากมายยังเข้าใจผิดว่าพันธสัญญาเก่าสิ้นสุดที่พระธรรมมาลาคี ส่วนพันธสัญญาใหม่เริ่มต้นที่พระธรรมมัทธิว
จริง ๆ แล้ว พันธสัญญาเก่าสิ้นสุดลงที่ไม้กางเขน เมื่อพระเยซูคริสต์ร้องออกมาว่า "สำเร็จแล้ว"
ดังนั้นเส้นแบ่งระหว่างพันธสัญญาเก่ากับพันธสัญญาใหม่จึงไม่ใช่หน้ากระดาษว่าง ๆ ที่กั้นระหว่างพระธรรมมาลาคีกับพระธรรมมัทธิว แต่คือไม้กางเขน
นั่นหมายความว่าแม้แต่ขณะที่พระเยซูคริสต์ดำเนินอยู่ก่อนที่จะสิ้นพระชนม์ที่ไม้กางเขนนั้น พระองค์เองก็ยังดำรงอยู่ภายใต้พันธสัญญาเก่าอยู่ ดังนั้นจึงไม่ใช่ทุกสิ่งที่พระองค์ตรัสจะเป็นสิ่งที่พระองค์ประสงค์ให้เราผู้อยู่ภายใต้พันธสัญญาใหม่ปฏิบัติตามเสมอไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพระองค์ตรัสถึงธรรมบัญญัติ พระองค์ไม่ได้ตรัสเพื่อให้เราพยายามประพฤติตามธรรมบัญญัตินั้นให้ได้หรือทำให้ดีขึ้น ตรงกันข้ามพระองค์ตรัสเพื่อให้เรามาถึงจุดที่ตระหนักว่าเราไม่มีทางทำได้เลยมากกว่า เช่นที่พระองค์บอกว่าผู้ใดโกรธผู้อื่นก็ได้เป็นผู้ฆ่าคนเสียแล้ว หรือใครที่มองหญิงอื่นด้วยใจกำหนัดก็ได้ล่วงประเวณีเสียแล้ว พระองค์ยกธรรมบัญญัติให้สูงตามที่เป็น ก็เพื่อให้คนที่เคยคิดว่าตนทำได้ จะได้มาถึงจุดที่ตระหนักว่าแท้จริงแล้วยังห่างไกล และที่จริงก็คือไม่มีทางทำได้เลย!
มีครั้งหนึ่งที่พระเยซูทรงสรุปธรรมบัญญัติ ออกมาเป็น 2 ข้อก็คือ จงรักพระเจ้าด้วยสุดจิตสุดใจ ด้วยสุดความคิดและด้วยสิ้นสุดกำลัง และจงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง (มก. 12:29-31) เมื่อก่อนผมเข้าใจว่าพระเยซูมาเพื่อจะบอกเคล็ดลับให้เราทำตามธรรมบัญญัติได้ ด้วยการ "รัก" รักทั้งพระเจ้า และรักเพื่อนบ้าน ผมก็เลยพยายามรักพระเจ้า และพยายามรักผู้อื่นให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และก็คิดว่าในเมื่อเราได้พยายามที่จะรักอย่างเต็มที่เช่นนี้แล้ว พระเจ้าก็คงพอพระทัยผมแล้วละ อาจจะไม่สมบูรณ์แบบนักแต่พระเจ้าก็คงเข้าใจผม แต่เมื่อได้มาเข้าใจเรื่องงานที่สำเร็จแล้วของพระเยซูคริสต์ ก็ทำให้เข้าใจว่า แม้แต่พระธรรมตอนนี้พระเยซูก็ไม่ได้มีเจตนาบอกเพื่อให้เราพยายามทำให้ได้ ความจริงพระองค์กำลังบอกว่า เราไม่มีทางทำได้มากกว่า เพราะไม่มีใครสามารถรักพระเจ้าได้สุดจิตสุดใจ และก็ไม่มีใครสามารถรักเพื่อนบ้านได้เหมือนรักตนเอง
แท้จริงพระองค์มาเพื่อทำให้ธรรมบัญญัตินั้นสมบูรณ์ด้วยพระองค์เอง มีเพียงพระองค์ผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถทำตามความต้องการของธรรมบัญญัติทุกข้อได้ มีเพียงพระองค์ผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถรักพระเจ้าสุดจิตสุดใจ และสามารถรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเองได้ (ยอมตายแทน) ธรรมบัญญัติจึงมีมามิใช่เพื่อให้เราปฏิบัติ แต่มีเพื่อให้พระเยซูปฏิบัติ และพระองค์ก็ได้ทำสำเร็จแล้วแทนเรา
ไม้กางเขนจึงเป็นจุดสิ้นสุดแล้วของธรรมบัญญัติ เราทั้งหลายผู้เชื่อในพระเยซูคริสต์ ผู้อยู่ในพระเยซูคริสต์ จึงได้รับโทษและคำแช่งสาปของธรรมบัญญัติไปแล้วด้วยพระกายของพระเยซูคริสต์ และได้รับความชอบธรรมของพระเยซูเข้ามาในชีวิตของเราแล้ว เราผู้ซึ่งตายแล้วจากพันธสัญญาเก่า บัดนี้เรามีชีวิตอยู่ภายใต้พันธสัญญาใหม่
เมื่อเราอ่านพระคัมภีร์เราจึงต้องอ่านโดยผ่านเลนส์ของไม้กางเขน ผ่านเลนส์ของงานที่สำเร็จแล้วของพระเยซูคริสต์ ในเมื่อการลงโทษและคำแช่งสาป พระเยซูได้รับแทนเราไปหมดแล้ว ดังนั้นจึงเหลือแต่พระพร และพระสัญญาที่ตกเป็นของเรา เพราะเราอยู่ในพระองค์
Comments
Post a Comment