หนึ่งยอห์นหนึ่งข้อเก้า - ตอนที่สอง (One John One Nine - Part Two)

(by Joel Brueseke แปลจาก http://blog.graceroots.org/2010/03/one-john-one-nine-part-two.html)

หนึ่งยอห์นหนึ่งข้อเก้า - ตอนที่สอง

เวลาอ่านส่วนต่าง ๆ ของพระคัมภีร์ มันสำคัญมากที่ต้องจำหลายสิ่งไว้ในใจตลอดเวลาเช่น
- พระธรรมตอนนี้เขียนถึงหรือเจาะจงถึงใคร?
- พันธสัญญาใดที่พูดถึงในคำสอน?
- อะไรคือประเด็นหลักที่กำลังพูดถึง?
- บริบท รวมทั้งประโยครอบข้าง บริบทของหนังสือทั้งเล่ม ฯลฯ

มันเป็นสิ่งสำคัญอีกเช่นกันที่จะสังเกตว่าหนังสือหลากหลายเล่มของพระคัมภีร์ ไม่ว่าจะเป็นเล่มเล็กที่สุดรวมทั้งจดหมายฝากในพระคัมภีร์ใหม่ ไม่ได้ถูกเขียนขึ้นมาจากความว่างเปล่า นั่นคือเมื่อผู้เขียนเขียนจดหมายฝาก เขาไม่ได้นั่งลงและบอกกับตัวเองว่า "อืมม วันนี้ฉันจะเขียนหลักคำสอนเกี่ยวกับชีวิตคริสเตียนหัวข้ออะไรดี?" ความจริง ส่วนใหญ่แล้วจดหมายฝากเป็นการตอบสนองต่อคำถามจากคริสตจักร และเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในคริสตจักร จดหมายฝากฉบับแรกของยอห์นก็ไม่ยกเว้น ในส่วนแรกของจดหมายฝากนี้เจาะจงถึงกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งในคริสตจักรที่มีหลักข้อเชื่อและคำสอนผิดเกี่ยวกับพระเยซู และยอห์นก็เจาะจงถึงกลุ่มนี้โดยตรง

น่าเสียดายที่การอ่านจดหมายฝากฉบับนี้อย่างผิวเผินโดยปราศจากความรู้ถึงการแทรกซึมเข้ามาในคริสตจักรของพวกนอสติกในศตวรรษแรก ทำให้ (ไม่น่าแปลกใจ) เกิดความเข้าใจผิดกับพระธรรมทั้งสิบข้อแรกของบทที่หนึ่ง ตัวช่วยในการศึกษาพระคัมภีร์มีประโยชน์มากในการทำความเข้าใจสิ่งเหล่านี้ ในบทแนะนำถึงพระธรรม 1 ยอห์น ของคู่มือศึกษาพระคัมภีร์เนลสันได้กล่าวไว้ว่า

"นอสติกเป็นคำสอนที่ผสมลัทธิความเชื่อทางไสยศาสตร์ของตะวันออกกับลัทธิความเชื่อเรื่องการมีอยู่เป็นคู่ของกรีก (ซึ่งอ้างว่าวิญญาณคือสิ่งดีแต่สสารเป็นสิ่งชั่ว) .. บนหลักความเชื่อที่ว่าสสารเป็นสิ่งชั่วและวิญญาณเป็นสิ่งดี พวกนอสติกบางคนสรุปว่าถ้าพระเจ้าดีจริง ๆ พระองค์ต้องไม่สามารถสร้างจักรวาลแห่งสสาร ดังนั้น พระเจ้าที่ยิ่งใหญ่รองลงมาต้องเป็นผู้สร้างแทน .. ในทัศนะแห่งการมีอยู่เป็นคู่ของพวกนอสติกจะสะท้อนในหลักข้อเชื่ออย่างแพร่หลายว่าพระเยซูไม่ได้มีร่างกายฝ่ายกายภาพ"

นอกจากนั้น เพราะพวกนอสติกเชื่อว่าสสารทุกอย่างเป็นสิ่งชั่ว ดังนั้น "บาป" จึงไม่ใช่ประเด็น ดังที่มันไม่ได้สำคัญที่ใครคนหนึ่งได้ทำอะไรกับร่างกายของพวกเขา
เพื่อกล่าวถึงความเชื่อผิดเหล่านี้ ยอห์นเขียนว่า

"ซึ่งมีตั้งแต่ปฐมกาล ซึ่งเราได้ยิน ซึ่งเราได้เห็นกับตา ซึ่งเราได้พินิจดู และจับต้องด้วยมือของเรานั้นเกี่ยวกับพระวาทะแห่งชีวิต (และชีวิตนั้นได้ปรากฏ และเราได้เห็น และเป็นพยาน และประกาศชีวิตนิรันดร์นั้นแก่ท่านทั้งหลาย ชีวิตนั้นได้ดำรงอยู่กับพระบิดาและได้ปรากฏแก่เราทั้งหลาย) ซึ่งเราได้เห็นและได้ยินนั้นเราก็ได้ประกาศให้ท่านทั้งหลายรู้ด้วย เพื่อท่านทั้งหลายจะได้ร่วมสามัคคีธรรมกับเรา เราทั้งหลายก็ร่วมสามัคคีกับพระบิดา และกับพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระองค์" (1 ยอห์น 1:2-3)

เขากำลังบอกพวกนอสติกว่าที่จริงพวกเขาได้เห็นและได้สัมผัสพระเยซู - พระองค์ได้มาบังเกิดในเนื้อหนังจริง ๆ - และจากนั้นเขาพูดว่าเขากำลังชี้แจงสิ่งนี้แก่พวกเขาเพื่อว่า "ท่านทั้งหลายจะได้ร่วมสามัคคีธรรมกับเรา เราทั้งหลายก็ร่วมสามัคคีกับพระบิดา และกับพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระองค์" จากนั้นเขากล่าวต่อไปในสองสามข้อสุดท้ายเพื่อบอกผู้ที่ยังไม่เชื่อ / นอสติก ว่าทำอย่างไรพวกเขาจะสามารถเข้ามาในความสว่างและได้รับการยกโทษและชำระจากการอธรรมทั้งสิ้นได้

มันไม่ใช่จนกระทั่งบทที่สองที่ยอห์นได้หันความคิดของเขาและเริ่มพูดถึงผู้เชื่อ "ลูกของข้าพเจ้าเอ๋ย.." และเขาถึงกับบอกพวกเขาอย่างเจาะจง "ลูกทั้งหลายเอ๋ย ข้าพเจ้าเขียนจดหมายถึงท่าน เพราะว่าได้ทรงยกบาปของท่านแล้ว ด้วยเห็นแก่พระนามของพระองค์" (1 ยอห์น 2:12) เขารู้ได้อย่างไรว่าพวกเขาแต่ละคนได้ทำการสารภาพบาปอย่างต่อเนื่องหรือไม่? เขาไม่รู้ และมันก็ไม่สำคัญอะไร สิ่งที่เขารู้ก็คือว่าพวกเขาผู้เชื่อ (พวกที่เขากำลังพูดด้วย) ได้รับการยกโทษแล้วครั้งเดียวพอสำหรับทุกสิ่ง และเขาทำให้พวกเขามั่นใจในสิ่งนั้น

จากนั้นต่อมาในบทที่ 4 เขาเตือนพวกเขาให้ระวังผู้พยากรณ์เท็จ / วิญญาณของปฏิปักษ์พระคริสต์ และมันดูเหมือนว่าส่วนใหญ่เขากำลังพูดถึงพวกนอสติก

"ท่านที่รักทั้งหลาย อย่าเชื่อวิญญาณเสียทุกๆวิญญาณ แต่จงพิสูจน์วิญญาณนั้นๆว่ามาจากพระเจ้าหรือไม่ เพราะว่ามีผู้พยากรณ์เท็จเป็นอันมากจาริกไปในโลก โดยข้อนี้ท่านทั้งหลายก็จะรู้จักพระวิญญาณของพระเจ้า คือวิญญาณทั้งปวงที่ยอมรับว่าพระเยซูคริสต์ได้เสด็จมาเป็นมนุษย์ วิญญาณนั้นก็มาจากพระเจ้า และวิญญาณทั้งปวงที่ไม่ยอมรับเชื่อพระเยซู วิญญาณนั้นก็ไม่ได้มาจากพระเจ้า วิญญาณนั้นแหละเป็นปฏิปักษ์ของพระคริสต์ ซึ่งท่านทั้งหลายได้ยินว่าจะมา และบัดนี้ก็อยู่ในโลกแล้ว" (1 ยอห์น 4:1-3)

เกี่ยวกับเรื่องนี้ พอล แอนเดอร์สันวอลซ์ ได้เขียนไว้ในหนังสือของเขา "Safe and Sound" ว่า

"อย่างน้อยมันก็ชัดเจนสำหรับผมว่าความห่วงใยของอัครทูตยอห์นไม่ใช่การบอกให้คริสตจักรขอพระเจ้าสำหรับการสารภาพบาปรายวัน แต่คือการนำให้พวกนอสติกหันกลับมายังความรอดและการยอมรับการยกโทษของพวกเขา
จุดประสงค์ของอัครทูตยอห์นในบทที่ 4 นี้ไม่ใช่การแสดงให้กับธรรมิกชนหนุ่มสาวซื่อ ๆ รู้ว่าทำอย่างไรที่จะได้รับการยกโทษแต่คือทำอย่างไรถึงจะปกป้องตัวเองจากพวกที่ลักลอบเข้ามาต่างหาก"

เกี่ยวกับ "ทางใหม่และเป็นทางที่มีชีวิต" ทางซึ่งเรามี "ใจกล้าที่จะเข้าไปสู่สถานศักดิ์สิทธิ์โดยพระโลหิตของพระเยซู" ผู้เขียนพระธรรมฮีบรูเขียนไว้ว่า "ขอให้เรายึดมั่นในความหวังที่เราทั้งหลายเชื่อและรับไว้นั้น โดยไม่หวั่นไหว..." ("Let us hold fast the confession of our hope without wavering...") เขาไม่ได้บอกว่า "ให้เรายึดมั่นในการสารภาพบาปของเรา" ("Let us hold fast the confession of our sins") เขาได้ใช้หลายบทพูดถึงงานที่สำเร็จแล้วของพระเยซูและทำอย่างไรเราถึงถูกทำให้สมบูรณ์แล้วและถูกทำให้สะอาดตลอดไปโดยโลหิตของพระเยซู
ยังมีอีกสำหรับเรื่องนี้ในตอนที่สาม

Comments