หนึ่งคำที่หายไปในถิ่นทุรกันดาร
"ถ้าท่านเป็นพระบุตรของพระเจ้า จงสั่งก้อนหินเหล่านี้ให้กลายเป็นพระกระยาหาร"
เป็นประโยคที่ดังขึ้นในถิ่นทุรกันดาร ที่เราเหล่าผู้เชื่อรู้จักกันดีว่าเป็นเสียงของมารซาตานพูดกับพระเยซูคริสต์เพื่อจะทดลองพระองค์ (มธ. 4:3) แต่ถ้าเราสังเกตุให้ดี ๆ จะพบว่าในประโยคนั้นมี 'หนึ่งคำ' ที่หายไป!
ทำไมเราต้องสนใจ 'หนึ่งคำ' ที่หายไปนั้น?
ก็เพราะพระเยซูเองทรงตรัสตอบมารซาตานว่า "มีพระคัมภีร์เขียนไว้ว่า "มนุษย์จะบำรุงชีวิตด้วยอาหารสิ่งเดียวหามิได้ แต่บำรุงด้วยพระวจนะทุกคำซึ่งออกมาจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า (มัทธิว 4:4)
แล้ว 'หนึ่งคำ' ที่หายไปนั้นคืออะไร?
ถ้าเราย้อนไปดูพระวจนะที่ออกมาจากพระโอษฐ์ของพระบิดาล่าสุดสำหรับพระเยซูคืออะไร เราจะเห็นได้จาก มัทธิว [3:16-17] "ครั้นพระองค์ทรงรับบัพติศมาแล้ว ในทันใดนั้นก็เสด็จขึ้นจากน้ำ และท้องฟ้าก็แหวกออก และพระองค์ได้ทรงเห็นพระวิญญาณของพระเจ้าดุจนกพิราบ ลงมาสถิตอยู่บนพระองค์ และนี่แน่ะมีพระสุรเสียงตรัสจากฟ้าสวรรค์ว่า "ท่านผู้นี้เป็นบุตรที่รักของเรา เราชอบใจท่านมาก"
'หนึ่งคำ' นั้นก็คือคำว่า 'ที่รัก'
ก่อนที่พระเยซูจะกระทำพระราชกิจใด ๆ ของพระบิดา พระบิดาก็ประกาศยืนยันฐานะของพระเยซูแล้วว่าทรงเป็นบุตรที่รัก ซึ่งมารซาตานไม่อยากให้พระเยซูและเราเหล่าผู้เชื่อตระหนักถึงความเป็นที่รักของเราในสายพระเนตรของพระบิดา เพราะมันรู้ว่าหากเรามั่นใจในความรักของพระบิดาที่มีต่อเราเสียแล้ว มันก็ไม่เหลืออะไรจะมาทำให้เราหวั่นไหวได้อีก!
ดังนั้นขอให้เราเป็นเหมือนพระเยซูคริสต์ที่ทรงมั่นใจในทุกถ้อยคำของพระเจ้า เมื่อพระบิดาทรงตรัสว่าพระองค์เป็นบุตรที่รัก พระองค์ก็มั่นใจและมั่นคงอยู่ในพระดำรัสนั้น แม้เสียงของสถานการณ์จะพยายามบอกในสิ่งที่ตรงกันข้าม แม้เสียงมารจะหลอกให้ไขว่เขวไป แต่พระองค์ไม่หวั่นไหว แต่ยังคงชื่นชมยินดีในฐานะที่แท้จริงของพระองค์ตามพระดำรัสนั้นเสมอ
ปัจจุบันนี้ไม่เพียงแค่พระเยซูเท่านั้นที่เป็นที่รัก เราทั้งหลายเหล่าผู้เชื่อในพระองค์ก็ได้เป็นที่รักของพระบิดาด้วยเช่นกัน ดังใน อฟ.1:5-6 "พระองค์ทรงกำหนดเราไว้ก่อนตามที่ชอบพระทัยพระองค์ให้เป็นบุตรโดยพระเยซูคริสต์ เพื่อจะให้เป็นที่สรรเสริญสง่าราศีแห่งพระคุณของพระองค์ ซึ่งโดยพระคุณนั้นพระองค์ทรงบันดาลให้เราเป็นที่ชอบพระทัย ในผู้ทรงเป็นที่รักของพระองค์"
ดังนั้นหากวันนี้คุณอาจกำลังเผชิญถิ่นทุรกันดารของคุณอยู่ และคุณอาจได้ยินเสียงจากสถานการณ์รอบข้างให้สับสน หรือแม้แต่เสียงจากผู้ทดลองให้คุณหวั่นไหว คุณจะตอบออกมาด้วยประโยคแบบไหน? คุณมั่นใจในเสียงของผู้ใด? เสียงของใครกันแน่ที่ดังก้องอยู่ในใจคุณ?
ขอให้เป็นเสียงของพระบิดาที่บอกว่าคุณเป็นบุตรที่รักของพระองค์...
เป็นประโยคที่ดังขึ้นในถิ่นทุรกันดาร ที่เราเหล่าผู้เชื่อรู้จักกันดีว่าเป็นเสียงของมารซาตานพูดกับพระเยซูคริสต์เพื่อจะทดลองพระองค์ (มธ. 4:3) แต่ถ้าเราสังเกตุให้ดี ๆ จะพบว่าในประโยคนั้นมี 'หนึ่งคำ' ที่หายไป!
ทำไมเราต้องสนใจ 'หนึ่งคำ' ที่หายไปนั้น?
ก็เพราะพระเยซูเองทรงตรัสตอบมารซาตานว่า "มีพระคัมภีร์เขียนไว้ว่า "มนุษย์จะบำรุงชีวิตด้วยอาหารสิ่งเดียวหามิได้ แต่บำรุงด้วยพระวจนะทุกคำซึ่งออกมาจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า (มัทธิว 4:4)
แล้ว 'หนึ่งคำ' ที่หายไปนั้นคืออะไร?
ถ้าเราย้อนไปดูพระวจนะที่ออกมาจากพระโอษฐ์ของพระบิดาล่าสุดสำหรับพระเยซูคืออะไร เราจะเห็นได้จาก มัทธิว [3:16-17] "ครั้นพระองค์ทรงรับบัพติศมาแล้ว ในทันใดนั้นก็เสด็จขึ้นจากน้ำ และท้องฟ้าก็แหวกออก และพระองค์ได้ทรงเห็นพระวิญญาณของพระเจ้าดุจนกพิราบ ลงมาสถิตอยู่บนพระองค์ และนี่แน่ะมีพระสุรเสียงตรัสจากฟ้าสวรรค์ว่า "ท่านผู้นี้เป็นบุตรที่รักของเรา เราชอบใจท่านมาก"
'หนึ่งคำ' นั้นก็คือคำว่า 'ที่รัก'
ก่อนที่พระเยซูจะกระทำพระราชกิจใด ๆ ของพระบิดา พระบิดาก็ประกาศยืนยันฐานะของพระเยซูแล้วว่าทรงเป็นบุตรที่รัก ซึ่งมารซาตานไม่อยากให้พระเยซูและเราเหล่าผู้เชื่อตระหนักถึงความเป็นที่รักของเราในสายพระเนตรของพระบิดา เพราะมันรู้ว่าหากเรามั่นใจในความรักของพระบิดาที่มีต่อเราเสียแล้ว มันก็ไม่เหลืออะไรจะมาทำให้เราหวั่นไหวได้อีก!
ดังนั้นขอให้เราเป็นเหมือนพระเยซูคริสต์ที่ทรงมั่นใจในทุกถ้อยคำของพระเจ้า เมื่อพระบิดาทรงตรัสว่าพระองค์เป็นบุตรที่รัก พระองค์ก็มั่นใจและมั่นคงอยู่ในพระดำรัสนั้น แม้เสียงของสถานการณ์จะพยายามบอกในสิ่งที่ตรงกันข้าม แม้เสียงมารจะหลอกให้ไขว่เขวไป แต่พระองค์ไม่หวั่นไหว แต่ยังคงชื่นชมยินดีในฐานะที่แท้จริงของพระองค์ตามพระดำรัสนั้นเสมอ
ปัจจุบันนี้ไม่เพียงแค่พระเยซูเท่านั้นที่เป็นที่รัก เราทั้งหลายเหล่าผู้เชื่อในพระองค์ก็ได้เป็นที่รักของพระบิดาด้วยเช่นกัน ดังใน อฟ.1:5-6 "พระองค์ทรงกำหนดเราไว้ก่อนตามที่ชอบพระทัยพระองค์ให้เป็นบุตรโดยพระเยซูคริสต์ เพื่อจะให้เป็นที่สรรเสริญสง่าราศีแห่งพระคุณของพระองค์ ซึ่งโดยพระคุณนั้นพระองค์ทรงบันดาลให้เราเป็นที่ชอบพระทัย ในผู้ทรงเป็นที่รักของพระองค์"
ดังนั้นหากวันนี้คุณอาจกำลังเผชิญถิ่นทุรกันดารของคุณอยู่ และคุณอาจได้ยินเสียงจากสถานการณ์รอบข้างให้สับสน หรือแม้แต่เสียงจากผู้ทดลองให้คุณหวั่นไหว คุณจะตอบออกมาด้วยประโยคแบบไหน? คุณมั่นใจในเสียงของผู้ใด? เสียงของใครกันแน่ที่ดังก้องอยู่ในใจคุณ?
ขอให้เป็นเสียงของพระบิดาที่บอกว่าคุณเป็นบุตรที่รักของพระองค์...
Comments
Post a Comment