บทบาทของเราในพันธสัญญาใหม่
บทบาทของเราในพันธสัญญาใหม่
Thomas Chakkalackal
(แปลจาก http://www.thewordofharvestministries.org/TeachingArticles.aspx?AID=659)
โรม 5:17-19 "เพราะว่าถ้าโดยการละเมิดของคนนั้นคนเดียว เป็นเหตุให้ความตายครอบงำอยู่โดยคนนั้นคนเดียว มากยิ่งกว่านั้นคนทั้งหลายที่รับพระกรุณาอันไพบูลย์ และรับของประทานคือความชอบธรรมก็จะดำรงชีวิต และครอบครองโดยพระองค์ผู้เดียว คือพระเยซูคริสต์"
การเติบโตขึ้นมาในบ้านคริสเตียนและในประเทศแห่งศาสนาอย่างอินเดียนี้ ผมได้ยินประโยคนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า "ถ้าเราทำส่วนของเรา พระเจ้าก็จะทำส่วนของพระองค์" มีความจริงบางอย่างอยู่ในนี้ แต่ถ้าคุณไม่เข้าใจสิ่งที่ไม่ถูกต้องในประโยคนี้ คุณก็จะไม่สามารถได้รับการสำแดงของพันธสัญญาใหม่ ข่าวดีของข่าวประเสริฐก็คือว่า "พระเจ้าโดยพระเยซูคริสต์ได้ทำส่วนของพระองค์แล้วบนไม้กางเขนและการฟื้นพระชนม์ ส่วนของเราก็เพียงแค่เชื่อในพระองค์" ผมหมายความว่าการเชื่อคือสิ่งเดียวที่เหลืออยู่สำหรับเราให้ทำหลังจากไม้กางเขน เนื่องด้วยพันธสัญญาใหม่ เราถูกเรียกว่า "ผู้เชื่อ" ไม่ใช่ "ผู้ทำ"
คนมากมายถูกทำให้สับสนด้วยคำถามที่ว่า การจะได้ชีวิตนิรันดร์เราต้องทำอะไร? และเราต้องเชื่ออะไร? ให้เรามาลองดูในส่วนของการเชื่อกันก่อน
การเชื่อในการมีอยู่ของพระเจ้าทำให้คุณเป็นผู้เชื่อไหม? - ไม่
การเชื่อในสิ่งใด ๆ จากพระคัมภีร์จะทำให้คุณเป็นผู้เชื่อไหม? - ไม่
ฉันสามารถเป็นผู้เชื่อได้ไหมด้วย
1. ฉันเกิดในครอบครัวคริสเตียน - ไม่
2. อ่านพระคัมภีร์ทุกวัน - ไม่
3. รับบัพติศมาในน้ำ - ไม่
4. ไปโบสถ์สม่ำเสมอ - ไม่
5. ถวายสิบลดและถวายอื่น ๆ - ไม่
6. ปฏิบัติตามกฏระเบียบทุกอย่างของคริสตจักร - ไม่
7. ดำเนินชีวิตตามหลักการของพระเยซู - ไม่
การเชื่อในการตายและการถูกฝังของพระเยซูจะทำให้คุณเป็นผู้เชื่อไหม? - ไม่
แม้แต่นักประวัติศาสตร์ก็เชื่อในการตายและการถูกฝังของพระเยซู แต่คริสเตียนเริ่มต้นด้วยการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซู สิ่งนอกนั้นทั้งหมดไม่ได้ทำให้คุณเป็นผู้เชื่อ
ดังนั้นอะไรที่เราต้องเชื่อเพื่อจะได้เป็นผู้เชื่อ? ผู้เชื่อก็คือผู้ที่บังเกิดในอาณาจักรพระเจ้า โดยการเชื่อว่าเขาได้ตายและถูกฝังร่วมกับพระเยซูเมื่อ 2000 ปีมาแล้ว และได้ฟื้นขึ้นด้วยชีวิตใหม่เมื่อเขาต้อนรับพระเยซูเป็นดังพระผู้ช่วยให้รอดของเขาเป็นการส่วนตัว
- เขาเชื่อว่าเขาได้บังเกิดมาในโลกในฐานะคนบาป ถ้าเราไม่เชื่อความจริงนี้ เราก็ไม่เข้าใจความจำเป็นของพระผู้ช่วยให้รอด
- เขาเชื่อว่าเขาต้องการพระผู้ช่วยเพื่อหลุดพ้นจากบาปของเขา การทำดีของเราเองไม่สามารถช่วยกู้เราจากธรรมชาติแห่งบาปได้
- เขาเชื่อว่าเขาได้บังเกิดใหม่ในฐานะผู้ชอบธรรมที่ถูกสร้างเพื่อให้ประกอบการดี
- เขาเชื่อว่าพระเยซูได้ตายและฟื่นขึ้นแทนเขาเมื่อสองพันปีมาแล้ว
- เขาเชื่อว่าทุกสิ่งที่พระเยซูทำบนไม้กางเขนนั้นมีไว้สำหรับเขาและเขาอ้างถึงสิ่งนั้นเป็นการส่วนตัว
- เขาเชื่อว่าบาปของเขาทั้งหมด (อดีต ปัจจุบันและอนาคต) ได้ถูกยกโทษแล้วตลอดไป เขาเชื่อว่าไม่มีการปรับโทษจากพระเจ้าอีก หลายคนเชื่อว่าบาปของเขาได้รับการยกโทษเฉพาะถึงวันที่เขาบังเกิดใหม่เท่านั้น และทุก ๆ บาปที่เขาทำหลังจากจุดนั้นจะถูกยกโทษได้โดยการสารภาพบาปและการกลับใจ นั่นคือคำโกหก
- เขาเชื่อว่าเขาไม่มีชีวิตอีกต่อไป แต่พระคริสต์ต่างหากที่ดำเนินชีวิตผ่านเขา
- เขาเชื่อว่าพระเยซูได้เติมเต็มความต้องการทั้งหมดของพระเจ้าเพื่อเขาจะได้มีชีวิตที่ครบบริบูรณ์ในโลกนี้
- เขาเชื่อว่าพระเยซูเป็นความมั่งคั่ง ทรัพย์สมบัติ เครื่องบูชา สิบลด ความบริสุทธิ์ สุขภาพ ความร่ำรวย สติปัญญา ความชอบธรรม ฯลฯ ของเขา งานของพระเยซูบนไม้กางเขนมีเพื่อเขา และชีวิตที่ฟื้นขึ้นของพระเยซูในเขาคือศูนย์กลางของชีวิตของเขา
ด้วยการพิจารณาอย่างระมัดระวังถึงระบบความเชื่อแบบนี้ เราจะสามารถเห็นว่าระบบความเชื่อแบบนี้มีศูนย์กลางอยู่บนสองเรื่อง ความบาปแห่งอาดัมในสวนเอเดนและการถูกตรึงกับการฟื้นพระชนม์ของพระเยซู ถ้าเราไม่เชื่อในการล้มลงของอาดัมในสวนนั้น เราก็จะไม่เชื่อในความจำเป็นของการถูกตรึงกับการฟื้นพระชนม์ของพระเยซู
พี่น้อง สิ่งสำคัญของพระคัมภีร์ก็คือการมีส่วนร่วมของเราในการไม่เชื่อฟังของอาดัมในสวนเอเดนและการมีส่วนร่วมของเราในการเชื่อฟังของพระเยซูผ่านการตายของพระองค์บนไม้กางเขนและการฟื้นพระชนม์ สองเรื่องนี้เกิดขึ้นมานานก่อนที่เราจะเกิดมา และการเชื่อหรือการไม่เชื่อในสองเรื่องนี้จะมีผลตามมาอย่างถาวรนิรันดร์ ผมรู้ว่าความจริงนี้ไม่สมเหตุสมผลกับความคิดฝ่ายธรรมชาติของคุณ ผู้เชื่อที่แท้จริงคือผู้ที่สร้างระบบความเชื่อของเขาอยู่บนสองเรื่องนี้
เอาละ ให้เรามาดูในส่วนแรกของคำถาม ฉันต้องทำอะไรจึงจะได้ชีวิตนิรันดร์?
นี้คือคำถามเก่าแก่ของบรรดาศาสนาของโลก นี้คือคำถามของเศรษฐีหนุ่มคนนั้นต่อพระเยซู (ลูกา 18:18) ความจริงแล้วเศรษฐีหนุ่มคนนี้คือตัวแทนของบรรดาศาสนาของโลก เศรษฐีหนุ่มคนนี้แสดงตนเป็นดังคนสมบูรณ์แบบผู้ที่ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติทั้งหมด และเขาคิดว่าเขาสามารถไปถึงชีวิตนิรันดร์ได้ด้วยความสมบูรณ์แบบของเขาเอง คำตอบของพระเยซูต่อคำถามนั้นเป็นเหมือนเดิมเสมอตลอดทุกยุคทุกสมัย "ท่านยังขาดสิ่งหนึ่ง" สิ่งที่พระเยซูหมายถึงก็คือ ถ้าคุณพยายามจะไปถึงชีวิตนิรันดร์ด้วยการงานที่ดีของคุณเอง คุณจะขาดสิ่งหนึ่งเสมอและจะไม่มีวันครบถ้วน
สิ่งหนึ่งที่เราต้องการนั้นก็คือการไว้วางใจของเราในพระองค์สำหรับชีวิตนิรันดร์ ผมรู้ว่ามีหลายคนตีความคำตอบของพระเยซูพลาดไปโดยบอกว่าพระเยซูได้บอกเศรษฐีหนุ่มถึงรายการของสิ่งที่เขาต้องทำเพื่อให้ได้ชีวิตนิรันดร์ ความจริงแล้วพระเยซูกำลังบอกเขาให้ละทิ้ง (ขาย) ทุกสิ่งของรายการแห่งคุณสมบัติที่เขาได้มาด้วยการทำตามธรรมบัญญัติและให้ติดตามพระองค์เพื่อชีวิตนิรันดร์
หลังจากนั้นอัครทูตเปาโลได้กล่าวไว้ว่าเขามองทุกอย่างเป็นหยากเยื่อเพื่อจะได้พระคริสต์ (ฟป 3:8) อะไรคือสิ่งที่อ.เปาโลนับว่าเป็นหยากเยื่อ? ข้อพระคัมภีร์ก่อนหน้านั้นได้แสดงรายการของคุณสมบัติที่เขาได้มาจาการทำตามธรรมบัญญัติของโมเสส
เหล่าสาวกก็ได้ถามคำถามคล้าย ๆ กันนี้ในยอห์น 6:28 "ข้าพเจ้าทั้งหลายจะต้องทำประการใด จึงจะทำงานของพระเจ้าได้" พระเยซูตรัสตอบเขาว่า "งานของพระเจ้านั้น คือการที่ท่านวางใจในท่านที่พระองค์ทรงใช้มา"
อีกครั้งที่คำตอบต่อเหล่าสาวกก็คือ "เชื่อพระองค์"
ข่าวประเสริฐแท้สอนเรา "เชื่อเท่านั้น"? เพราะว่าพระเยซูได้ทำงานที่สมบูรณ์เพื่อเราบนไม้กางเขนและเรากำลังดำเนินชีวิตหลังจากงานที่สมบูรณ์นั้น การเชื่อจึงเป็นสิ่งเดียวที่เหลืออยู่สำหรับเรา งานใด ๆ ที่เราทำเพื่อให้พระบิดาพอพระทัยก็คือการไม่เชื่อที่สำแดงออกต่องานที่สมบูรณ์ของพระเยซูบนไม้กางเขน ถ้าเรากำลังอดอาหารอธิษฐาน ถวายสิบลด บริจาค ไปโบสถ์ นำการประชุมอธิษฐานด้วยความตั้งใจที่จะทำให้พระเจ้าพระบิดาพอพระทัย คุณก็กำลังเปิดเผยความไม่เชื่อของคุณต่องานที่สมบูรณ์ของพระเยซูบนไม้กางเขนนั้น
พระเจ้าไม่ได้คาดหวังให้เราทำงานใด ๆ เพิ่มอีกเพื่อให้พระองค์พอพระทัย แต่พระองค์กำลังรอให้เราเชื่อในงานที่สมบูรณ์แบบของพระบุตรของพระองค์เพื่อเรา และให้เราสำแดงผลแห่งชีวิตของพระองค์ในเรา
ฉันต้องทำอะไรเพื่อจะได้ชีวิตนิรันดร์เป็นคำถามที่ล้าสมัยไปแล้วหลังจากไม้กางเขนของพระเยซู คำถามที่ถูกต้องควรเป็นว่า "ฉันต้องเชื่ออะไร" จึงจะได้ชีวิตนิรันดร์
Thomas Chakkalackal
(แปลจาก http://www.thewordofharvestministries.org/TeachingArticles.aspx?AID=659)
โรม 5:17-19 "เพราะว่าถ้าโดยการละเมิดของคนนั้นคนเดียว เป็นเหตุให้ความตายครอบงำอยู่โดยคนนั้นคนเดียว มากยิ่งกว่านั้นคนทั้งหลายที่รับพระกรุณาอันไพบูลย์ และรับของประทานคือความชอบธรรมก็จะดำรงชีวิต และครอบครองโดยพระองค์ผู้เดียว คือพระเยซูคริสต์"
การเติบโตขึ้นมาในบ้านคริสเตียนและในประเทศแห่งศาสนาอย่างอินเดียนี้ ผมได้ยินประโยคนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า "ถ้าเราทำส่วนของเรา พระเจ้าก็จะทำส่วนของพระองค์" มีความจริงบางอย่างอยู่ในนี้ แต่ถ้าคุณไม่เข้าใจสิ่งที่ไม่ถูกต้องในประโยคนี้ คุณก็จะไม่สามารถได้รับการสำแดงของพันธสัญญาใหม่ ข่าวดีของข่าวประเสริฐก็คือว่า "พระเจ้าโดยพระเยซูคริสต์ได้ทำส่วนของพระองค์แล้วบนไม้กางเขนและการฟื้นพระชนม์ ส่วนของเราก็เพียงแค่เชื่อในพระองค์" ผมหมายความว่าการเชื่อคือสิ่งเดียวที่เหลืออยู่สำหรับเราให้ทำหลังจากไม้กางเขน เนื่องด้วยพันธสัญญาใหม่ เราถูกเรียกว่า "ผู้เชื่อ" ไม่ใช่ "ผู้ทำ"
คนมากมายถูกทำให้สับสนด้วยคำถามที่ว่า การจะได้ชีวิตนิรันดร์เราต้องทำอะไร? และเราต้องเชื่ออะไร? ให้เรามาลองดูในส่วนของการเชื่อกันก่อน
การเชื่อในการมีอยู่ของพระเจ้าทำให้คุณเป็นผู้เชื่อไหม? - ไม่
การเชื่อในสิ่งใด ๆ จากพระคัมภีร์จะทำให้คุณเป็นผู้เชื่อไหม? - ไม่
ฉันสามารถเป็นผู้เชื่อได้ไหมด้วย
1. ฉันเกิดในครอบครัวคริสเตียน - ไม่
2. อ่านพระคัมภีร์ทุกวัน - ไม่
3. รับบัพติศมาในน้ำ - ไม่
4. ไปโบสถ์สม่ำเสมอ - ไม่
5. ถวายสิบลดและถวายอื่น ๆ - ไม่
6. ปฏิบัติตามกฏระเบียบทุกอย่างของคริสตจักร - ไม่
7. ดำเนินชีวิตตามหลักการของพระเยซู - ไม่
การเชื่อในการตายและการถูกฝังของพระเยซูจะทำให้คุณเป็นผู้เชื่อไหม? - ไม่
แม้แต่นักประวัติศาสตร์ก็เชื่อในการตายและการถูกฝังของพระเยซู แต่คริสเตียนเริ่มต้นด้วยการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซู สิ่งนอกนั้นทั้งหมดไม่ได้ทำให้คุณเป็นผู้เชื่อ
ดังนั้นอะไรที่เราต้องเชื่อเพื่อจะได้เป็นผู้เชื่อ? ผู้เชื่อก็คือผู้ที่บังเกิดในอาณาจักรพระเจ้า โดยการเชื่อว่าเขาได้ตายและถูกฝังร่วมกับพระเยซูเมื่อ 2000 ปีมาแล้ว และได้ฟื้นขึ้นด้วยชีวิตใหม่เมื่อเขาต้อนรับพระเยซูเป็นดังพระผู้ช่วยให้รอดของเขาเป็นการส่วนตัว
- เขาเชื่อว่าเขาได้บังเกิดมาในโลกในฐานะคนบาป ถ้าเราไม่เชื่อความจริงนี้ เราก็ไม่เข้าใจความจำเป็นของพระผู้ช่วยให้รอด
- เขาเชื่อว่าเขาต้องการพระผู้ช่วยเพื่อหลุดพ้นจากบาปของเขา การทำดีของเราเองไม่สามารถช่วยกู้เราจากธรรมชาติแห่งบาปได้
- เขาเชื่อว่าเขาได้บังเกิดใหม่ในฐานะผู้ชอบธรรมที่ถูกสร้างเพื่อให้ประกอบการดี
- เขาเชื่อว่าพระเยซูได้ตายและฟื่นขึ้นแทนเขาเมื่อสองพันปีมาแล้ว
- เขาเชื่อว่าทุกสิ่งที่พระเยซูทำบนไม้กางเขนนั้นมีไว้สำหรับเขาและเขาอ้างถึงสิ่งนั้นเป็นการส่วนตัว
- เขาเชื่อว่าบาปของเขาทั้งหมด (อดีต ปัจจุบันและอนาคต) ได้ถูกยกโทษแล้วตลอดไป เขาเชื่อว่าไม่มีการปรับโทษจากพระเจ้าอีก หลายคนเชื่อว่าบาปของเขาได้รับการยกโทษเฉพาะถึงวันที่เขาบังเกิดใหม่เท่านั้น และทุก ๆ บาปที่เขาทำหลังจากจุดนั้นจะถูกยกโทษได้โดยการสารภาพบาปและการกลับใจ นั่นคือคำโกหก
- เขาเชื่อว่าเขาไม่มีชีวิตอีกต่อไป แต่พระคริสต์ต่างหากที่ดำเนินชีวิตผ่านเขา
- เขาเชื่อว่าพระเยซูได้เติมเต็มความต้องการทั้งหมดของพระเจ้าเพื่อเขาจะได้มีชีวิตที่ครบบริบูรณ์ในโลกนี้
- เขาเชื่อว่าพระเยซูเป็นความมั่งคั่ง ทรัพย์สมบัติ เครื่องบูชา สิบลด ความบริสุทธิ์ สุขภาพ ความร่ำรวย สติปัญญา ความชอบธรรม ฯลฯ ของเขา งานของพระเยซูบนไม้กางเขนมีเพื่อเขา และชีวิตที่ฟื้นขึ้นของพระเยซูในเขาคือศูนย์กลางของชีวิตของเขา
ด้วยการพิจารณาอย่างระมัดระวังถึงระบบความเชื่อแบบนี้ เราจะสามารถเห็นว่าระบบความเชื่อแบบนี้มีศูนย์กลางอยู่บนสองเรื่อง ความบาปแห่งอาดัมในสวนเอเดนและการถูกตรึงกับการฟื้นพระชนม์ของพระเยซู ถ้าเราไม่เชื่อในการล้มลงของอาดัมในสวนนั้น เราก็จะไม่เชื่อในความจำเป็นของการถูกตรึงกับการฟื้นพระชนม์ของพระเยซู
พี่น้อง สิ่งสำคัญของพระคัมภีร์ก็คือการมีส่วนร่วมของเราในการไม่เชื่อฟังของอาดัมในสวนเอเดนและการมีส่วนร่วมของเราในการเชื่อฟังของพระเยซูผ่านการตายของพระองค์บนไม้กางเขนและการฟื้นพระชนม์ สองเรื่องนี้เกิดขึ้นมานานก่อนที่เราจะเกิดมา และการเชื่อหรือการไม่เชื่อในสองเรื่องนี้จะมีผลตามมาอย่างถาวรนิรันดร์ ผมรู้ว่าความจริงนี้ไม่สมเหตุสมผลกับความคิดฝ่ายธรรมชาติของคุณ ผู้เชื่อที่แท้จริงคือผู้ที่สร้างระบบความเชื่อของเขาอยู่บนสองเรื่องนี้
เอาละ ให้เรามาดูในส่วนแรกของคำถาม ฉันต้องทำอะไรจึงจะได้ชีวิตนิรันดร์?
นี้คือคำถามเก่าแก่ของบรรดาศาสนาของโลก นี้คือคำถามของเศรษฐีหนุ่มคนนั้นต่อพระเยซู (ลูกา 18:18) ความจริงแล้วเศรษฐีหนุ่มคนนี้คือตัวแทนของบรรดาศาสนาของโลก เศรษฐีหนุ่มคนนี้แสดงตนเป็นดังคนสมบูรณ์แบบผู้ที่ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติทั้งหมด และเขาคิดว่าเขาสามารถไปถึงชีวิตนิรันดร์ได้ด้วยความสมบูรณ์แบบของเขาเอง คำตอบของพระเยซูต่อคำถามนั้นเป็นเหมือนเดิมเสมอตลอดทุกยุคทุกสมัย "ท่านยังขาดสิ่งหนึ่ง" สิ่งที่พระเยซูหมายถึงก็คือ ถ้าคุณพยายามจะไปถึงชีวิตนิรันดร์ด้วยการงานที่ดีของคุณเอง คุณจะขาดสิ่งหนึ่งเสมอและจะไม่มีวันครบถ้วน
สิ่งหนึ่งที่เราต้องการนั้นก็คือการไว้วางใจของเราในพระองค์สำหรับชีวิตนิรันดร์ ผมรู้ว่ามีหลายคนตีความคำตอบของพระเยซูพลาดไปโดยบอกว่าพระเยซูได้บอกเศรษฐีหนุ่มถึงรายการของสิ่งที่เขาต้องทำเพื่อให้ได้ชีวิตนิรันดร์ ความจริงแล้วพระเยซูกำลังบอกเขาให้ละทิ้ง (ขาย) ทุกสิ่งของรายการแห่งคุณสมบัติที่เขาได้มาด้วยการทำตามธรรมบัญญัติและให้ติดตามพระองค์เพื่อชีวิตนิรันดร์
หลังจากนั้นอัครทูตเปาโลได้กล่าวไว้ว่าเขามองทุกอย่างเป็นหยากเยื่อเพื่อจะได้พระคริสต์ (ฟป 3:8) อะไรคือสิ่งที่อ.เปาโลนับว่าเป็นหยากเยื่อ? ข้อพระคัมภีร์ก่อนหน้านั้นได้แสดงรายการของคุณสมบัติที่เขาได้มาจาการทำตามธรรมบัญญัติของโมเสส
เหล่าสาวกก็ได้ถามคำถามคล้าย ๆ กันนี้ในยอห์น 6:28 "ข้าพเจ้าทั้งหลายจะต้องทำประการใด จึงจะทำงานของพระเจ้าได้" พระเยซูตรัสตอบเขาว่า "งานของพระเจ้านั้น คือการที่ท่านวางใจในท่านที่พระองค์ทรงใช้มา"
อีกครั้งที่คำตอบต่อเหล่าสาวกก็คือ "เชื่อพระองค์"
ข่าวประเสริฐแท้สอนเรา "เชื่อเท่านั้น"? เพราะว่าพระเยซูได้ทำงานที่สมบูรณ์เพื่อเราบนไม้กางเขนและเรากำลังดำเนินชีวิตหลังจากงานที่สมบูรณ์นั้น การเชื่อจึงเป็นสิ่งเดียวที่เหลืออยู่สำหรับเรา งานใด ๆ ที่เราทำเพื่อให้พระบิดาพอพระทัยก็คือการไม่เชื่อที่สำแดงออกต่องานที่สมบูรณ์ของพระเยซูบนไม้กางเขน ถ้าเรากำลังอดอาหารอธิษฐาน ถวายสิบลด บริจาค ไปโบสถ์ นำการประชุมอธิษฐานด้วยความตั้งใจที่จะทำให้พระเจ้าพระบิดาพอพระทัย คุณก็กำลังเปิดเผยความไม่เชื่อของคุณต่องานที่สมบูรณ์ของพระเยซูบนไม้กางเขนนั้น
พระเจ้าไม่ได้คาดหวังให้เราทำงานใด ๆ เพิ่มอีกเพื่อให้พระองค์พอพระทัย แต่พระองค์กำลังรอให้เราเชื่อในงานที่สมบูรณ์แบบของพระบุตรของพระองค์เพื่อเรา และให้เราสำแดงผลแห่งชีวิตของพระองค์ในเรา
ฉันต้องทำอะไรเพื่อจะได้ชีวิตนิรันดร์เป็นคำถามที่ล้าสมัยไปแล้วหลังจากไม้กางเขนของพระเยซู คำถามที่ถูกต้องควรเป็นว่า "ฉันต้องเชื่ออะไร" จึงจะได้ชีวิตนิรันดร์
Comments
Post a Comment