พระองค์เสด็จออกมาเพื่อนำเราเข้าไป! (HE came out to bring you in!)
และเพื่ออธิบายสิ่งที่พระเยซูทำให้ครบถ้วน ผมได้แปลบทความด้านล่างมาเพิ่มเติมครับ
HE came out to bring you in!
(แปลจาก http://terenceyeo.blogspot.com/2005/10/he-came-out-to-bring-you-in-excerpts.html)

คริสเตียนส่วนใหญ่รู้ว่าพระเยซูเสด็จจากสวรรค์ลงมาตายเพื่อความบาปของมนุษย์บนไม้กางเขน แต่ความจริงที่ยิ่งใหญ่กว่าก็คือว่าพระองค์เสด็จออกจากอภิวิสุทธิสถาน เพียงเพื่อจะนำคุณกลับเข้าไปร่วมกับพระองค์! คำพูดและราชกิจของพระเยซูในพระกิตติคุณยอห์นคือสิ่งสะท้อนจากแบบของเครื่องใช้ในพลับพลาของโมเสส... ซึ่งเรียงตามลำดับตามที่มันได้ถูกจัดวางไว้!
http://www.biblenews1.com/grace/gracea.htm#tabernacle
...และในพระวิหารของพระองค์ทุกคนร้องว่า “พระสิริ!” (สดด.29:9)
"ก่อนถึงงานเทศกาลปัสกา พระเยซูทรงทราบว่า ถึงเวลาแล้วที่พระองค์จะทรงจากโลกนี้ไปหาพระบิดา พระองค์ทรงรักพวกของพระองค์ซึ่งอยู่ในโลกนี้ พระองค์ทรงรักเขาจนถึงที่สุด" (ยอห์น 13:1)
"ขณะเมื่อรับประทานอาหารเย็นอยู่นั้น (มารได้ดลใจยูดาสอิสคาริโอท บุตรของซีโมน ให้อายัดพระองค์ไว้)" (ยอห์น 13:2)
"พระเยซูทรงทราบว่าพระบิดาได้ประทานสิ่งทั้งปวงให้อยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ และทรงทราบว่าพระองค์มาจากพระเจ้า และจะไปหาพระเจ้า" (ยอห์น 13:3)
"พระองค์ทรงลุกขึ้นจากการรับประทานอาหาร ทรงถอดฉลองพระองค์ออกวางไว้ และทรงเอาผ้าเช็ดตัวคาดเอวของพระองค์" (ยอห์น 13:4)
พระเยซูทรงทราบว่าพระองค์เป็นใคร พระองค์มั่นคงในตัวตนที่แท้จริงของพระองค์
พระองค์ทรงทราบว่า "พระองค์มาจากพระเจ้า และจะไป (กลับไป) หาพระเจ้า" นั่นคือเหตุผลว่าทำไมพระองค์สามารถถ่อมพระองค์เองลงและล้างเท้าสาวกของพระองค์ (ถ้าบุคคลใดหยิ่ง ก็จะเป็นสิ่งสำแดงให้เห็นถึงความไม่มั่นคงที่หยั่งรากลึกในตัวเขา)
พระกิตติคุณยอห์นมีทั้งหมด 21 บท ทั้งหมดได้เล็งถึงพลับพลา
ใน 12 บทแรกได้บรรยายภาพถึงพระเยซูเสด็จออกจากพลับพลา (เริ่มจากหีบแห่งพันธสัญญาในอภิวิสุทธิสถาน)
ใน 9 บทหลังได้บรรยายภาพถึงมหาปุโรหิตของเรากลับเข้าไปข้างใน พระองค์ "จะไปหาพระเจ้า" (ยอห์น 13:3)
การเดินทางนี้เริ่มจาก อภิวิสุทธิสถาน
"ไม่มีใครเคยเห็นพระเจ้าเลย พระบุตรองค์เดียวผู้ทรงสถิตอยู่ในพระทรวงของพระบิดา พระองค์ได้ทรงสำแดงพระเจ้าแล้ว" (ยอห์น 1:18)
ในพลับพลานั้น พระเยซูในฐานะมหาปุโรหิตของเราถวายคำอธิษฐานเป็นดังกลิ่นที่หอมหวาน มีเพียงพระเยซูคริสต์เท่านั้นที่รู้จักพระบิดาอย่างลึกซึ้ง
มันจบลงด้วยกันกับพวกเราผู้ได้รับการไถ่ ได้กลับไปกับพระองค์ไปยังพระบิดาและอยู่ในอ้อมอกแห่งความรักของพระองค์ด้วยเช่นกัน
"มีสาวกคนหนึ่งที่พระเยซูทรงรักได้เอนกายอยู่ที่พระทรวงของพระเยซู" (ยอห์น 13:23)
พวกเราคือผู้ที่พระเยซูทรงรัก! พระเยซูคือพระผู้เลี้ยงผู้ซึ่งออกมาตามหาพวกเราแกะที่หลงหายและทรงนำเรากลับไปยังพระทรวงของพระบิดาที่ที่พระองค์ประทับอยู่
ม่านที่กั้นระหว่างอภิวิสุทธิสถานกับวิสุทธิสถาน ฮีบรู 10:20, ยอห์น 1:14
วิสุทธิสถาน
แท่นทองคำสำหรับเผาเครื่องหอม - ดู ยอห์น 1:18
โต๊ะสำหรับขนมปังหน้าพระพักตร์ อพย.25:23-29, 37:10-16
http://www.domini.org/tabern/sbrdtabl.htm
http://www.hopeofisrael.net/tab3.htm
"พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า "เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า มิใช่โมเสสที่ให้อาหารจากสวรรค์นั้นแก่ท่าน แต่พระบิดาของเราประทานอาหารแท้ซึ่งมาจากสวรรค์ให้แก่ท่านทั้งหลาย" (ยอห์น 6:32)
"เพราะว่าอาหารของพระเจ้านั้น คือท่านที่ลงมาจากสวรรค์ และประทานชีวิตให้แก่โลก" (ยอห์น 6:33)
คันประทีปทองคำ อพย.25:31-39, 37:17-24
http://www.domini.org/tabern/lampstnd.htm
"พระเยซูทรงเงยพระพักตร์ขึ้นตรัสกับนางว่า “หญิงเอ๋ย พวกเขาไปไหนหมด ไม่มีใครเอาโทษเจ้าหรือ” (ยอห์น 8:10)
"นางนั้นทูลว่า “พระองค์เจ้าข้า ไม่มีผู้ใดเลย” และพระเยซูตรัสว่า “เราก็ไม่เอาโทษเจ้าเหมือนกัน จงไปเถิดและอย่าทำผิดอีก” (ยอห์น 8:11)
"อีกครั้งหนึ่งพระเยซูตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “เราเป็นความสว่างของโลก ผู้ที่ตามเรามาจะไม่เดินในความมืด แต่จะมีความสว่างแห่งชีวิต" (ยอห์น 8:12)
หมายเหตุ ในบริบทที่พระเยซูคริสต์สำแดงพระองค์เองเป็นดังความสว่างของโลกนั้น ความสว่างของโลก (พระเยซูคริสต์) มาเพื่อแสดงให้โลกเห็นถึงความสมบูรณ์แบบของงานของพระเยซูในการชำระเรา ไม่ได้มาเพื่อแสดงความบาปของเรา
"ตราบใดที่เรายังอยู่ในโลก เราเป็นความสว่างของโลก" (ยอห์น 9:5)
พระเยซูในยอห์นบทที่ 9 ได้ทรงสำแดงพระองค์เองเป็นดังความสว่างของโลกให้แก่ชายตาบอดคนหนึ่งและเพราะการสำแดงนี้ ชายคนนั้นมองเห็นได้ ชายตาบอดคนนี้ได้ถูกเรียกให้ออกมาจากโลกของยิวมายังที่ซึ่งพระเยซูประทับ (ยอห์น 9:35) ชายตาบอดได้รับการสำแดงจากพระเยซูว่าทรงเป็นพระคริสต์
การอ้างครั้งสุดท้ายว่าพระเยซูคือความสว่างในพระธรรมยอห์นก็คือ ยอห์น 12:46 "เราเข้ามาในโลกเป็นความสว่าง เพื่อทุกคนที่วางใจในเราจะมิได้อยู่ในความมืด"
ดังที่เราได้บอกไว้ก่อนหน้านี้ ยอห์นบทที่ 12 คือจุดเปลี่ยน จากยอห์น 13 เป็นต้นไป พระเยซูทรงหันหลังกลับและมุ่งหน้าไปสู่พลับพลา นี่คือเหตุผลว่าทำไมการอ้างถึงครั้งสุดท้ายว่าพระเยซูคือความสว่างอยู่ในยอห์น 12 เพราะว่าจากจุดนี้ไป พระวิญญาณบริสุทธิ์จะกลายเป็น "การสำแดงถึงคันประทีป" (lampstand revelation) พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงรับช่วงต่อเป็นดังความสว่างที่จะสำแดงพระเยซูคริสต์
ลานชั้นนอก
แท่นทองสัมฤทธิ์ อพย.27:1-8, 38:1-7
แท่นบูชาทองสัมฤทธิ์คือภาพของไม้กางเขน
"บัดนี้ถึงเวลาที่จะพิพากษาโลกนี้แล้ว เดี๋ยวนี้เจ้าโลกนี้จะถูกกำจัดออกไป" (ยอห์น 12:31)
"เมื่อเราถูกยกขึ้นจากแผ่นดินโลกแล้ว เราก็จะชักนำ [คน] เป็นอันมากให้มาหาเรา" (ยอห์น 12:32)
"พระองค์ตรัสเช่นนั้น เพื่อสำแดงว่า พระองค์จะสิ้นพระชนม์อย่างไร" (ยอห์น 12:33)
สิ่งสำคัญ: คำว่า "คน" เป็นตัวเอียงในยอห์น 12:32 มันไม่ได้มีอยู่ในต้นฉบับ ด้งนั้นความเข้าใจสำหรับยอห์น 12:32 ควรเป็นดังนี้ พระเยซูจะนำเอาบาป ความเจ็บป่วย ความยากจน ความตาย ความหายนะ สิ่งเก่าทั้งหลาย ฯลฯ ทั้งหมดและจบสิ้นมันทั้งหมดที่ไม้กางเขนในฐานะอาดัมคนสุดท้ายและในการแลกเปลี่ยน เราได้รับผลของความชอบธรรมของพระองค์!
บัดนี้หลังจากได้พบแกะที่หลงหาย...
พระเยซูทรงหันหลังและมุ่งหน้ากลับไปยัง 'อับบา'
บัดนี้เราจะเห็นเครื่องใช้ในพลับพลาในลักษณะย้อนกลับ
ขันทองสัมฤทธิ์ ยอห์น 13:3-5, 10, ยอห์น 9:5-7
"พระเยซูทรงทราบว่าพระบิดาได้ประทานสิ่งทั้งปวงให้อยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ และทรงทราบว่าพระองค์มาจากพระเจ้า และจะไปหาพระเจ้า" (ยอห์น 13:3)
"พระองค์ทรงลุกขึ้นจากการรับประทานอาหาร ทรงถอดฉลองพระองค์ออกวางไว้ และทรงเอาผ้าเช็ดตัวคาดเอวของพระองค์" (ยอห์น 13:4)
"แล้วก็ทรงเทน้ำลงในอ่าง และทรงเอาน้ำล้างเท้าของพวกสาวก และเช็ดด้วยผ้าที่ทรงคาดเอวไว้นั้น" (ยอห์น 13:5)
นี่ไม่ใช่การชำระอีกเพื่อการบังเกิดใหม่ที่ซึ่งได้สำเร็จแล้วที่ไม้กางเขน (แท่นบูชาทองสัมฤทธิ์) และให้สังเกตคำพูดของพระเยซูในยอห์น 13:10 สังเกตการเรียงลำดับ แท่นบูชาทองสัมฤทธิ์ของยอห์น 12 มาก่อนยอห์น 13 (การชำระล้างด้วยพระวจนะ)
"พระเยซูตรัสกับเขาว่า “ผู้ที่อาบน้ำแล้วไม่จำเป็นต้องชำระกายอีก ล้างแต่เท้าเท่านั้น เพราะสะอาดหมดทั้งตัวแล้ว พวกท่านก็สะอาดแล้วแต่ไม่ใช่ทุกคน" (ยอห์น 13:10)
โต๊ะสำหรับขนมปังหน้าพระพักตร์ ยอห์น 13:23-26
"ที่สำรับมีสาวกคนหนึ่งที่พระองค์ทรงรัก ได้เอนกายอยู่ใกล้พระทรวงของพระองค์ ซีโมนเปโตรจึงพยักหน้าให้เขาทูลถามพระองค์ว่า คนที่พระองค์ตรัสถึงนั้นคือผู้ใด ขณะที่ยังเอนกายอยู่ใกล้พระทรวงของพระองค์ สาวกคนนั้นก็ทูลถามพระองค์ว่า “พระองค์เจ้าข้า คนนั้นคือใคร พระองค์ตรัสตอบว่า “คนนั้นคือผู้ที่เราจะเอาอาหารนี้จิ้มแล้วยื่นให้” เมื่อพระองค์ทรงเอาอาหารนั้นจิ้มแล้วก็ทรงยื่นให้แก่ยูดาสบุตรซีโมนอิสคาริโอท"
ในตอนนี้เราเห็นถึงภาพของโต๊ะขนมปังหน้าพระพักตร์อีกครั้งหนึ่ง
คันประทีปทองคำ ยอห์น 14:16-17
"เราจะทูลขอพระบิดา และพระองค์จะประทานผู้ช่วยอีกผู้หนึ่งให้แก่ท่าน เพื่อจะได้อยู่กับท่านตลอดไป คือพระวิญญาณแห่งความจริง ซึ่งโลกรับไว้ไม่ได้ เพราะแลไม่เห็นและไม่รู้จักพระองค์ ท่านทั้งหลายรู้จักพระองค์ เพราะพระองค์ทรงสถิตอยู่กับท่าน และจะประทับอยู่ในท่าน"
อิสยาห์ 11:1-5
"จะมีหน่อแตกออกมาจากตอแห่งเจสซี จะมีกิ่งงอกออกมาจากรากทั้งหลายของเขา และพระวิญญาณของพระเจ้าจะอยู่บนท่านนั้น คือวิญญาณแห่งปัญญาและความเข้าใจ วิญญาณแห่งการวินิจฉัยและอานุภาพ วิญญาณแห่งความรู้และความยำเกรงพระเจ้า ความพึงใจของท่านก็ในความยำเกรงพระเจ้า ท่านจะไม่พิพากษาตามซึ่งตาท่านเห็น หรือตัดสินตามซึ่งหูท่านได้ยิน แต่ท่านจะพิพากษาคนจนด้วยความชอบธรรม และตัดสินเผื่อผู้มีใจถ่อมแห่งแผ่นดินโลกด้วยความเที่ยงธรรม ท่านจะตีโลกด้วยตะบองแห่งปากของท่าน และท่านจะประหารคนอธรรมด้วยลมแห่งริมฝีปากของท่าน ความชอบธรรมจะเป็นผ้าคาดเอวของท่าน และความสัตย์สุจริตจะเป็นผ้าคาดบั้นเอวของท่าน"
แท่นทองคำสำหรับเผาเครื่องหอม อพย. 30:1-10, 37:25-28
http://www.domini.org/tabern/gincaltr.htm
http://www.hopeofisrael.net/tab3.htm
ยอห์น 17
ทั้งบทที่ 17 ปกติจะเป็นสีแดงในพระคัมภีร์ ทั้งหมดนี้คือคำอธิษฐานของพระเยซูต่อพระบิดา โดยเฉพาะ ยอห์น 17:1-3
http://www.blueletterbible.org/kjv/Jhn/Jhn017.html#top
แท่นทองคำสำหรับเผาเครื่องหอมเล็งถึงพระเยซูคริสต์ แท่นทองคำสำหรับเผาเครื่องหอมนี้คู่ขนานกันไปในยอห์น 17
ตอนนี้มันมีปัญหาหนึ่ง!
พระผู้เลี้ยง / มหาปุโรหิต ไม่สามารถนำแกะเข้าไปในอภิวิสุทธิสถานได้เพราะว่าแกะเหล่านั้นไม่บริสุทธิ์
ข้อเขียนของยิวได้บอกว่า พระเจ้าทรงประทับอยู่ทางด้านตะวันออกของสวนเอเดน
ปฐมกาล 3:24 บอกว่า "ดังนั้นพระองค์ทรงไล่มนุษย์ออกไป ทรงตั้งพวกเครูบไว้ทางทิศตะวันออกของสวนเอเดน และตั้งดาบเพลิงซึ่งหมุนได้รอบทิศทาง เพื่อป้องกันทางเข้าไปสู่ต้นไม้แห่งชีวิต"
บางสำนวนแปลคำว่า "เครูบ" เป็นพระเจ้าในปฐมกาล 3:24
ดังนั้นจึงมีดาบเพลิงป้องกันทางไปสู่อภิวิสุทธิสถาน / สวนเอเดนนั้นที่ซึ่งพระเจ้าประทับอยู่
"พระเยโฮวาห์จอมโยธาตรัสว่า "โอ ดาบเอ๋ย จงตื่นขึ้นต่อสู้เมษบาลของเรา จงต่อสู้ผู้ที่สนิทกับเรา จงตีเมษบาล และฝูงแกะนั้นจะกระจัดกระจายไป เราจะกลับมือของเราต่อสู้กับตัวเล็กตัวน้อย" (เศคาริยาห์ 13:7 คำอ้างสุดท้ายถึงดาบในพันธสัญญาเก่า)
เราเห็นได้ว่าการพูดถึงเมษบาลในเศคาริยาห์ 13:7 นี้หมายถึงพระเยซู
"ครั้งนั้นพระเยซูตรัสกับเหล่าสาวกว่า “ในคืนวันนี้ท่านทุกคนจะทิ้งเรา ด้วยมีคำเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า เราจะประหารผู้เลี้ยงแกะ และแกะฝูงนั้น จะกระจัดกระจายไป " (มัทธิว 26:31)
ในความจริงเมื่อพระเยซูได้ไปที่กางเขนนั้น ผู้ติดตามพระองค์และสาวกได้ละทิ้งพระองค์ไปด้วยความกลัว
"เมื่อพระเยซูทรงรับน้ำส้มองุ่นแล้ว พระองค์ตรัสว่า “สำเร็จแล้ว” และทรงก้มพระเศียรลงสิ้นพระชนม์" (ยอห์น 19:30)
ดาบแห่งการพิพากษาซึ่งมีไว้สำหรับเราเพราะความบาปของเรานั้นได้ถูกเก็บเข้าฝักไปในร่างกายของพระเยซูคริสต์แทนที่พวกเรา ภาพก็คือดาบที่แทงพระผู้เลี้ยงของเราขณะที่พระองค์แบกเราซึ่งคือแกะเข้าไปในอภิวิสุทธิสถานนั้น
ม่านที่กั้นระหว่างอภิวิสุทธิสถานกับวิสุทธิสถาน - ยอห์น 19:30
บัดนี้เราอยู่ในอภิวิสุทธิสถานแล้ว ดาบนั้นไม่ได้มีไว้สำหรับพิพากษาเราอีกต่อไป เดี๋ยวนี้ดาบนั้นมีไว้เพื่อปกป้องเราแทน! เราได้อยู่ในอาณาเขตนิรันดร์กับอับบา เราเป็นที่ซึ่งทรงห่วงใยและเราก็ปราศจากความกังวลใด ๆ แล้ว! (we are cared-for and cared-free!)
"เหตุฉะนั้นพี่น้องทั้งหลาย เมื่อเรามีใจกล้าที่จะเข้าไปสู่สถานศักดิ์สิทธิ์โดยพระโลหิตของพระเยซู ตามทางใหม่และเป็นทางที่มีชีวิต ซึ่งพระองค์ได้ทรงเปิดออกให้เราผ่านเข้าไปทางม่านนั้น คือทางพระกายของพระองค์ และเมื่อเรามีปุโรหิตใหญ่เหนือหมู่คนของพระเจ้าแล้ว ก็ให้เราเข้าไปใกล้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ด้วยไว้ใจเต็มที่ มีใจที่ได้รับการทรงชำระให้สะอาดแล้ว และมีกายที่ล้างชำระด้วยน้ำบริสุทธิ์" (ฮบ. 10:19-22)
HE came out to bring you in!
(แปลจาก http://terenceyeo.blogspot.com/2005/10/he-came-out-to-bring-you-in-excerpts.html)

คริสเตียนส่วนใหญ่รู้ว่าพระเยซูเสด็จจากสวรรค์ลงมาตายเพื่อความบาปของมนุษย์บนไม้กางเขน แต่ความจริงที่ยิ่งใหญ่กว่าก็คือว่าพระองค์เสด็จออกจากอภิวิสุทธิสถาน เพียงเพื่อจะนำคุณกลับเข้าไปร่วมกับพระองค์! คำพูดและราชกิจของพระเยซูในพระกิตติคุณยอห์นคือสิ่งสะท้อนจากแบบของเครื่องใช้ในพลับพลาของโมเสส... ซึ่งเรียงตามลำดับตามที่มันได้ถูกจัดวางไว้!
http://www.biblenews1.com/grace/gracea.htm#tabernacle
...และในพระวิหารของพระองค์ทุกคนร้องว่า “พระสิริ!” (สดด.29:9)
"ก่อนถึงงานเทศกาลปัสกา พระเยซูทรงทราบว่า ถึงเวลาแล้วที่พระองค์จะทรงจากโลกนี้ไปหาพระบิดา พระองค์ทรงรักพวกของพระองค์ซึ่งอยู่ในโลกนี้ พระองค์ทรงรักเขาจนถึงที่สุด" (ยอห์น 13:1)
"ขณะเมื่อรับประทานอาหารเย็นอยู่นั้น (มารได้ดลใจยูดาสอิสคาริโอท บุตรของซีโมน ให้อายัดพระองค์ไว้)" (ยอห์น 13:2)
"พระเยซูทรงทราบว่าพระบิดาได้ประทานสิ่งทั้งปวงให้อยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ และทรงทราบว่าพระองค์มาจากพระเจ้า และจะไปหาพระเจ้า" (ยอห์น 13:3)
"พระองค์ทรงลุกขึ้นจากการรับประทานอาหาร ทรงถอดฉลองพระองค์ออกวางไว้ และทรงเอาผ้าเช็ดตัวคาดเอวของพระองค์" (ยอห์น 13:4)
พระเยซูทรงทราบว่าพระองค์เป็นใคร พระองค์มั่นคงในตัวตนที่แท้จริงของพระองค์
พระองค์ทรงทราบว่า "พระองค์มาจากพระเจ้า และจะไป (กลับไป) หาพระเจ้า" นั่นคือเหตุผลว่าทำไมพระองค์สามารถถ่อมพระองค์เองลงและล้างเท้าสาวกของพระองค์ (ถ้าบุคคลใดหยิ่ง ก็จะเป็นสิ่งสำแดงให้เห็นถึงความไม่มั่นคงที่หยั่งรากลึกในตัวเขา)
พระกิตติคุณยอห์นมีทั้งหมด 21 บท ทั้งหมดได้เล็งถึงพลับพลา
ใน 12 บทแรกได้บรรยายภาพถึงพระเยซูเสด็จออกจากพลับพลา (เริ่มจากหีบแห่งพันธสัญญาในอภิวิสุทธิสถาน)
ใน 9 บทหลังได้บรรยายภาพถึงมหาปุโรหิตของเรากลับเข้าไปข้างใน พระองค์ "จะไปหาพระเจ้า" (ยอห์น 13:3)
การเดินทางนี้เริ่มจาก อภิวิสุทธิสถาน
"ไม่มีใครเคยเห็นพระเจ้าเลย พระบุตรองค์เดียวผู้ทรงสถิตอยู่ในพระทรวงของพระบิดา พระองค์ได้ทรงสำแดงพระเจ้าแล้ว" (ยอห์น 1:18)
ในพลับพลานั้น พระเยซูในฐานะมหาปุโรหิตของเราถวายคำอธิษฐานเป็นดังกลิ่นที่หอมหวาน มีเพียงพระเยซูคริสต์เท่านั้นที่รู้จักพระบิดาอย่างลึกซึ้ง
มันจบลงด้วยกันกับพวกเราผู้ได้รับการไถ่ ได้กลับไปกับพระองค์ไปยังพระบิดาและอยู่ในอ้อมอกแห่งความรักของพระองค์ด้วยเช่นกัน
"มีสาวกคนหนึ่งที่พระเยซูทรงรักได้เอนกายอยู่ที่พระทรวงของพระเยซู" (ยอห์น 13:23)
พวกเราคือผู้ที่พระเยซูทรงรัก! พระเยซูคือพระผู้เลี้ยงผู้ซึ่งออกมาตามหาพวกเราแกะที่หลงหายและทรงนำเรากลับไปยังพระทรวงของพระบิดาที่ที่พระองค์ประทับอยู่
ม่านที่กั้นระหว่างอภิวิสุทธิสถานกับวิสุทธิสถาน ฮีบรู 10:20, ยอห์น 1:14
วิสุทธิสถาน
แท่นทองคำสำหรับเผาเครื่องหอม - ดู ยอห์น 1:18
โต๊ะสำหรับขนมปังหน้าพระพักตร์ อพย.25:23-29, 37:10-16
http://www.domini.org/tabern/sbrdtabl.htm
http://www.hopeofisrael.net/tab3.htm
"พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า "เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า มิใช่โมเสสที่ให้อาหารจากสวรรค์นั้นแก่ท่าน แต่พระบิดาของเราประทานอาหารแท้ซึ่งมาจากสวรรค์ให้แก่ท่านทั้งหลาย" (ยอห์น 6:32)
"เพราะว่าอาหารของพระเจ้านั้น คือท่านที่ลงมาจากสวรรค์ และประทานชีวิตให้แก่โลก" (ยอห์น 6:33)
คันประทีปทองคำ อพย.25:31-39, 37:17-24
http://www.domini.org/tabern/lampstnd.htm
"พระเยซูทรงเงยพระพักตร์ขึ้นตรัสกับนางว่า “หญิงเอ๋ย พวกเขาไปไหนหมด ไม่มีใครเอาโทษเจ้าหรือ” (ยอห์น 8:10)
"นางนั้นทูลว่า “พระองค์เจ้าข้า ไม่มีผู้ใดเลย” และพระเยซูตรัสว่า “เราก็ไม่เอาโทษเจ้าเหมือนกัน จงไปเถิดและอย่าทำผิดอีก” (ยอห์น 8:11)
"อีกครั้งหนึ่งพระเยซูตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “เราเป็นความสว่างของโลก ผู้ที่ตามเรามาจะไม่เดินในความมืด แต่จะมีความสว่างแห่งชีวิต" (ยอห์น 8:12)
หมายเหตุ ในบริบทที่พระเยซูคริสต์สำแดงพระองค์เองเป็นดังความสว่างของโลกนั้น ความสว่างของโลก (พระเยซูคริสต์) มาเพื่อแสดงให้โลกเห็นถึงความสมบูรณ์แบบของงานของพระเยซูในการชำระเรา ไม่ได้มาเพื่อแสดงความบาปของเรา
"ตราบใดที่เรายังอยู่ในโลก เราเป็นความสว่างของโลก" (ยอห์น 9:5)
พระเยซูในยอห์นบทที่ 9 ได้ทรงสำแดงพระองค์เองเป็นดังความสว่างของโลกให้แก่ชายตาบอดคนหนึ่งและเพราะการสำแดงนี้ ชายคนนั้นมองเห็นได้ ชายตาบอดคนนี้ได้ถูกเรียกให้ออกมาจากโลกของยิวมายังที่ซึ่งพระเยซูประทับ (ยอห์น 9:35) ชายตาบอดได้รับการสำแดงจากพระเยซูว่าทรงเป็นพระคริสต์
การอ้างครั้งสุดท้ายว่าพระเยซูคือความสว่างในพระธรรมยอห์นก็คือ ยอห์น 12:46 "เราเข้ามาในโลกเป็นความสว่าง เพื่อทุกคนที่วางใจในเราจะมิได้อยู่ในความมืด"
ดังที่เราได้บอกไว้ก่อนหน้านี้ ยอห์นบทที่ 12 คือจุดเปลี่ยน จากยอห์น 13 เป็นต้นไป พระเยซูทรงหันหลังกลับและมุ่งหน้าไปสู่พลับพลา นี่คือเหตุผลว่าทำไมการอ้างถึงครั้งสุดท้ายว่าพระเยซูคือความสว่างอยู่ในยอห์น 12 เพราะว่าจากจุดนี้ไป พระวิญญาณบริสุทธิ์จะกลายเป็น "การสำแดงถึงคันประทีป" (lampstand revelation) พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงรับช่วงต่อเป็นดังความสว่างที่จะสำแดงพระเยซูคริสต์
ลานชั้นนอก
แท่นทองสัมฤทธิ์ อพย.27:1-8, 38:1-7
แท่นบูชาทองสัมฤทธิ์คือภาพของไม้กางเขน
"บัดนี้ถึงเวลาที่จะพิพากษาโลกนี้แล้ว เดี๋ยวนี้เจ้าโลกนี้จะถูกกำจัดออกไป" (ยอห์น 12:31)
"เมื่อเราถูกยกขึ้นจากแผ่นดินโลกแล้ว เราก็จะชักนำ [คน] เป็นอันมากให้มาหาเรา" (ยอห์น 12:32)
"พระองค์ตรัสเช่นนั้น เพื่อสำแดงว่า พระองค์จะสิ้นพระชนม์อย่างไร" (ยอห์น 12:33)
สิ่งสำคัญ: คำว่า "คน" เป็นตัวเอียงในยอห์น 12:32 มันไม่ได้มีอยู่ในต้นฉบับ ด้งนั้นความเข้าใจสำหรับยอห์น 12:32 ควรเป็นดังนี้ พระเยซูจะนำเอาบาป ความเจ็บป่วย ความยากจน ความตาย ความหายนะ สิ่งเก่าทั้งหลาย ฯลฯ ทั้งหมดและจบสิ้นมันทั้งหมดที่ไม้กางเขนในฐานะอาดัมคนสุดท้ายและในการแลกเปลี่ยน เราได้รับผลของความชอบธรรมของพระองค์!
บัดนี้หลังจากได้พบแกะที่หลงหาย...
พระเยซูทรงหันหลังและมุ่งหน้ากลับไปยัง 'อับบา'
บัดนี้เราจะเห็นเครื่องใช้ในพลับพลาในลักษณะย้อนกลับ
ขันทองสัมฤทธิ์ ยอห์น 13:3-5, 10, ยอห์น 9:5-7
"พระเยซูทรงทราบว่าพระบิดาได้ประทานสิ่งทั้งปวงให้อยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ และทรงทราบว่าพระองค์มาจากพระเจ้า และจะไปหาพระเจ้า" (ยอห์น 13:3)
"พระองค์ทรงลุกขึ้นจากการรับประทานอาหาร ทรงถอดฉลองพระองค์ออกวางไว้ และทรงเอาผ้าเช็ดตัวคาดเอวของพระองค์" (ยอห์น 13:4)
"แล้วก็ทรงเทน้ำลงในอ่าง และทรงเอาน้ำล้างเท้าของพวกสาวก และเช็ดด้วยผ้าที่ทรงคาดเอวไว้นั้น" (ยอห์น 13:5)
นี่ไม่ใช่การชำระอีกเพื่อการบังเกิดใหม่ที่ซึ่งได้สำเร็จแล้วที่ไม้กางเขน (แท่นบูชาทองสัมฤทธิ์) และให้สังเกตคำพูดของพระเยซูในยอห์น 13:10 สังเกตการเรียงลำดับ แท่นบูชาทองสัมฤทธิ์ของยอห์น 12 มาก่อนยอห์น 13 (การชำระล้างด้วยพระวจนะ)
"พระเยซูตรัสกับเขาว่า “ผู้ที่อาบน้ำแล้วไม่จำเป็นต้องชำระกายอีก ล้างแต่เท้าเท่านั้น เพราะสะอาดหมดทั้งตัวแล้ว พวกท่านก็สะอาดแล้วแต่ไม่ใช่ทุกคน" (ยอห์น 13:10)
โต๊ะสำหรับขนมปังหน้าพระพักตร์ ยอห์น 13:23-26
"ที่สำรับมีสาวกคนหนึ่งที่พระองค์ทรงรัก ได้เอนกายอยู่ใกล้พระทรวงของพระองค์ ซีโมนเปโตรจึงพยักหน้าให้เขาทูลถามพระองค์ว่า คนที่พระองค์ตรัสถึงนั้นคือผู้ใด ขณะที่ยังเอนกายอยู่ใกล้พระทรวงของพระองค์ สาวกคนนั้นก็ทูลถามพระองค์ว่า “พระองค์เจ้าข้า คนนั้นคือใคร พระองค์ตรัสตอบว่า “คนนั้นคือผู้ที่เราจะเอาอาหารนี้จิ้มแล้วยื่นให้” เมื่อพระองค์ทรงเอาอาหารนั้นจิ้มแล้วก็ทรงยื่นให้แก่ยูดาสบุตรซีโมนอิสคาริโอท"
ในตอนนี้เราเห็นถึงภาพของโต๊ะขนมปังหน้าพระพักตร์อีกครั้งหนึ่ง
คันประทีปทองคำ ยอห์น 14:16-17
"เราจะทูลขอพระบิดา และพระองค์จะประทานผู้ช่วยอีกผู้หนึ่งให้แก่ท่าน เพื่อจะได้อยู่กับท่านตลอดไป คือพระวิญญาณแห่งความจริง ซึ่งโลกรับไว้ไม่ได้ เพราะแลไม่เห็นและไม่รู้จักพระองค์ ท่านทั้งหลายรู้จักพระองค์ เพราะพระองค์ทรงสถิตอยู่กับท่าน และจะประทับอยู่ในท่าน"
อิสยาห์ 11:1-5
"จะมีหน่อแตกออกมาจากตอแห่งเจสซี จะมีกิ่งงอกออกมาจากรากทั้งหลายของเขา และพระวิญญาณของพระเจ้าจะอยู่บนท่านนั้น คือวิญญาณแห่งปัญญาและความเข้าใจ วิญญาณแห่งการวินิจฉัยและอานุภาพ วิญญาณแห่งความรู้และความยำเกรงพระเจ้า ความพึงใจของท่านก็ในความยำเกรงพระเจ้า ท่านจะไม่พิพากษาตามซึ่งตาท่านเห็น หรือตัดสินตามซึ่งหูท่านได้ยิน แต่ท่านจะพิพากษาคนจนด้วยความชอบธรรม และตัดสินเผื่อผู้มีใจถ่อมแห่งแผ่นดินโลกด้วยความเที่ยงธรรม ท่านจะตีโลกด้วยตะบองแห่งปากของท่าน และท่านจะประหารคนอธรรมด้วยลมแห่งริมฝีปากของท่าน ความชอบธรรมจะเป็นผ้าคาดเอวของท่าน และความสัตย์สุจริตจะเป็นผ้าคาดบั้นเอวของท่าน"
แท่นทองคำสำหรับเผาเครื่องหอม อพย. 30:1-10, 37:25-28
http://www.domini.org/tabern/gincaltr.htm
http://www.hopeofisrael.net/tab3.htm
ยอห์น 17
ทั้งบทที่ 17 ปกติจะเป็นสีแดงในพระคัมภีร์ ทั้งหมดนี้คือคำอธิษฐานของพระเยซูต่อพระบิดา โดยเฉพาะ ยอห์น 17:1-3
http://www.blueletterbible.org/kjv/Jhn/Jhn017.html#top
แท่นทองคำสำหรับเผาเครื่องหอมเล็งถึงพระเยซูคริสต์ แท่นทองคำสำหรับเผาเครื่องหอมนี้คู่ขนานกันไปในยอห์น 17
ตอนนี้มันมีปัญหาหนึ่ง!
พระผู้เลี้ยง / มหาปุโรหิต ไม่สามารถนำแกะเข้าไปในอภิวิสุทธิสถานได้เพราะว่าแกะเหล่านั้นไม่บริสุทธิ์
ข้อเขียนของยิวได้บอกว่า พระเจ้าทรงประทับอยู่ทางด้านตะวันออกของสวนเอเดน
ปฐมกาล 3:24 บอกว่า "ดังนั้นพระองค์ทรงไล่มนุษย์ออกไป ทรงตั้งพวกเครูบไว้ทางทิศตะวันออกของสวนเอเดน และตั้งดาบเพลิงซึ่งหมุนได้รอบทิศทาง เพื่อป้องกันทางเข้าไปสู่ต้นไม้แห่งชีวิต"
บางสำนวนแปลคำว่า "เครูบ" เป็นพระเจ้าในปฐมกาล 3:24
ดังนั้นจึงมีดาบเพลิงป้องกันทางไปสู่อภิวิสุทธิสถาน / สวนเอเดนนั้นที่ซึ่งพระเจ้าประทับอยู่
"พระเยโฮวาห์จอมโยธาตรัสว่า "โอ ดาบเอ๋ย จงตื่นขึ้นต่อสู้เมษบาลของเรา จงต่อสู้ผู้ที่สนิทกับเรา จงตีเมษบาล และฝูงแกะนั้นจะกระจัดกระจายไป เราจะกลับมือของเราต่อสู้กับตัวเล็กตัวน้อย" (เศคาริยาห์ 13:7 คำอ้างสุดท้ายถึงดาบในพันธสัญญาเก่า)
เราเห็นได้ว่าการพูดถึงเมษบาลในเศคาริยาห์ 13:7 นี้หมายถึงพระเยซู
"ครั้งนั้นพระเยซูตรัสกับเหล่าสาวกว่า “ในคืนวันนี้ท่านทุกคนจะทิ้งเรา ด้วยมีคำเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า เราจะประหารผู้เลี้ยงแกะ และแกะฝูงนั้น จะกระจัดกระจายไป " (มัทธิว 26:31)
ในความจริงเมื่อพระเยซูได้ไปที่กางเขนนั้น ผู้ติดตามพระองค์และสาวกได้ละทิ้งพระองค์ไปด้วยความกลัว
"เมื่อพระเยซูทรงรับน้ำส้มองุ่นแล้ว พระองค์ตรัสว่า “สำเร็จแล้ว” และทรงก้มพระเศียรลงสิ้นพระชนม์" (ยอห์น 19:30)
ดาบแห่งการพิพากษาซึ่งมีไว้สำหรับเราเพราะความบาปของเรานั้นได้ถูกเก็บเข้าฝักไปในร่างกายของพระเยซูคริสต์แทนที่พวกเรา ภาพก็คือดาบที่แทงพระผู้เลี้ยงของเราขณะที่พระองค์แบกเราซึ่งคือแกะเข้าไปในอภิวิสุทธิสถานนั้น
ม่านที่กั้นระหว่างอภิวิสุทธิสถานกับวิสุทธิสถาน - ยอห์น 19:30
บัดนี้เราอยู่ในอภิวิสุทธิสถานแล้ว ดาบนั้นไม่ได้มีไว้สำหรับพิพากษาเราอีกต่อไป เดี๋ยวนี้ดาบนั้นมีไว้เพื่อปกป้องเราแทน! เราได้อยู่ในอาณาเขตนิรันดร์กับอับบา เราเป็นที่ซึ่งทรงห่วงใยและเราก็ปราศจากความกังวลใด ๆ แล้ว! (we are cared-for and cared-free!)
"เหตุฉะนั้นพี่น้องทั้งหลาย เมื่อเรามีใจกล้าที่จะเข้าไปสู่สถานศักดิ์สิทธิ์โดยพระโลหิตของพระเยซู ตามทางใหม่และเป็นทางที่มีชีวิต ซึ่งพระองค์ได้ทรงเปิดออกให้เราผ่านเข้าไปทางม่านนั้น คือทางพระกายของพระองค์ และเมื่อเรามีปุโรหิตใหญ่เหนือหมู่คนของพระเจ้าแล้ว ก็ให้เราเข้าไปใกล้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ด้วยไว้ใจเต็มที่ มีใจที่ได้รับการทรงชำระให้สะอาดแล้ว และมีกายที่ล้างชำระด้วยน้ำบริสุทธิ์" (ฮบ. 10:19-22)
Comments
Post a Comment